รีเซต

"สลากกินแบ่งรัฐบาล" แบบใหม่ 6 หลัก 3 หลัก มีรูปแบบ-ลุ้นเงินรางวัลอย่างไร เช็กที่นี่

"สลากกินแบ่งรัฐบาล" แบบใหม่ 6 หลัก 3 หลัก มีรูปแบบ-ลุ้นเงินรางวัลอย่างไร เช็กที่นี่
TNN ช่อง16
14 มีนาคม 2566 ( 17:15 )
157

เปิดรายละเอียด "สลากกินแบ่งรัฐบาล" แบบใหม่ ตัวเลข 6 หลักและตัวเลข 3 หลัก มีรูปแบบ-ลุ้นเงินรางวัลอย่างไรเช็กที่นี่


นายอนุชา บูรพชัยศรี รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง ปฏิบัติหน้าที่โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงมติคณะรัฐมนตรี วันนี้ ( 14 มีนาคม  2566) เห็นชอบหลักการการกำหนดประเภทและรูปแบบสลากกินแบ่งรัฐบาลประจำปี 2565 ได้แก่  สลากฯ 6 หลัก (Lottery 6: L6) และสลากฯ ตัวเลข 3 หลัก (Numbers 3: N3)  

หวังเพิ่มช่องทางจำหน่ายสลากฯ ในรูปแบบดิจิทัล จากการจำหน่ายผ่านตัวแทนจำหน่าย เพิ่มทางเลือกในการซื้อสลากแบบถูกกฎหมายมากขึ้น โดยผู้ซื้อสามารถเลือกตัวเลข ได้ตามความต้องการ ช่วยลดการเสี่ยงโชคนอกระบบและผิดกฎหมายให้ลดน้อยลง

สำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล ได้จัดทำแผนวิสาหกิจประจำปี 2564 - 2570 ซึ่งกำหนดเป้าหมายระยะสั้นให้มีผลิตภัณฑ์ใหม่ โดยในประชุมคณะกรรมการสลากกินแบ่งรัฐบาล เมื่อ 28 เมษายน 2565 เห็นชอบการกำหนดประเภทและรูปแบบสลากฯ ประจำปี 2565 ได้แก่ สลากฯ L6 และสลากฯ N3 สรุปสาระสำคัญได้ ดังนี้


รูปแบบสลากกินแบ่งรัฐบาล L6 และ N3 


1. รูปแบบสลากกินแบ่งรัฐบาล ได้แก่

-สลากฯ 6 หลัก (Lottery 6: L6)

ประกอบด้วยตั้งแต่ 000000 - 999999 จำหน่ายออกเป็นชุด ชุดละ 1 ล้าน ฉบับ/รายการ  โดยเป็นการกำหนดหมายเลขไว้ล่วงหน้า (มีหมายเลขจำกัด) ไม่สามารถเลือกเลขซ้ำกันได้ในแต่ละชุด  

จำหน่ายทั้งแบบใบ และแบบดิจิทัล (เป็นรูปแบบเดียวกับที่ สนง.สลากฯ ดำเนินการอยู่ในปัจจุบัน)

- สลากฯ ตัวเลข 3 หลัก (Numbers 3: N3) 

ประกอบด้วยหมายเลข 3 หลัก ตั้งแต่ 000 - 999 ไม่มีการกำหนดหมายเลขไว้ในระบบ ผู้ซื้อสามารถเลือกตัวเลขได้ ตามความต้องการ ซึ่งทุกๆ การซื้อ 1 รายการ จะได้หมายเลขรางวัลพิเศษ 1 หมายเลข (เป็นรูปแบบใหม่ที่ สนง.สลากฯ ยังไม่เคยดำเนินการมาก่อน) ทั้งนี้ จำหน่ายเฉพาะแบบดิจิทัล

2. การจ่ายเงินรางวัล สลากกินแบ่งรัฐบาล L6 และ N3  

เงินรางวัลคิดเป็นร้อยละ 60 ของยอดการจำหน่ายสลากในแต่ละงวด โดยกำหนดสัดส่วนในการจัดสรรเงินรางวัลประเภทต่าง ๆ ดังนี้

สลาก L6 มีเงินรางวัล 9 ประเภท คือ 

- รางวัลที่ 1  (1 รางวัล) 

- รางวัลข้างเคียงรางวัลที่ 1  (2 รางวัล) 

- รางวัลที่  2  (5 รางวัล) 

- รางวัลที่  3 (10 รางวัล) 

- รางวัลที่ 4 (50 รางวัล) 

- รางวัลที่ 5 ( 100 รางวัล) 

- รางวัลเลขหน้า 3 ตัว (2,000 รางวัล)  

- รางวัลเลขท้าย 3 ตัว  (2,000 รางวัล) 

- รางวัลเลขท้าย 2 ตัว (10,000 รางวัล)                               

(ไม่สมทบเงินรางวัล กรณีที่งวดใดไม่มีผู้ถูกรางวัล ให้นำเงินรางวัล ส่งเป็นรายได้แผ่นดิน)

สลาก N3 มีเงินรางวัล 4 ประเภท ได้แก่ 

- รางวัล 3 ตรง (ถูกทุกหมายเลขและทุกตำแหน่ง) ร้อยละ 30

- รางวัล 3 สลับหลัก (ถูกทุกหมายเลขแต่สลับตำแหน่ง)  ร้อยละ 30

- รางวัล 2 ตรง ถูกทุกหมายเลขและทุกตำแหน่ง ร้อยละ 39 

- รางวัลพิเศษ (ตรงกับรางวัลพิเศษ) ร้อยละ 1                                                                                               

สบทบเงินรางวัล กรณีที่งวดใด ไม่มีผู้ถูกรางวัล 

นอกจากนี้ จะมีการสบทบเงินรางวัล กรณีที่งวดใด ไม่มีผู้ถูกรางวัล จะนำเงินรางวัลในงวดนั้นไปสมทบเพื่ออจ่ายเป็น เงินรางวัลในงวดถัดไปอีก 1 งวด และหากไม่มีผู้ถูกรางวัลอีกให้นำเงิน รางวัลส่งเป็นรายได้แผ่นดิน

กระทรวงการคลัง แจ้งว่า การกำหนดประเภทสลากฯ ทั้ง 2 รูปแบบดังกล่าว เชื่อได้ว่าจะช่วยแก้ไขปัญหาการจำหน่ายสลากฯ เกินราคาได้ เนื่องจากเป็นการเพิ่มช่องทางการจำหน่ายสลากฯ ในรูปแบบดิจิทัล ซึ่งมีการกำหนดราคาซื้อ - ขายจากระบบการจำหน่ายได้เอง การจำหน่ายสลากฯ N3 ผู้ซื้อสามารถเลือกตัวเลขได้ตามความต้องการ ซึ่งจะเป็นการเพิ่มทางเลือกในการซื้อสลากฯ แบบถูกกฎหมายมากขึ้น ช่วยให้การเสี่ยงโชคนอกระบบและผิดกฎหมายลดน้อยลง 

นอกจากนี้ การจำหน่ายสลากฯ ทั้ง 2 รูปแบบจะช่วยให้ สนง.สลากฯ มีรายได้เพิ่มขึ้น และมีเงินนำส่งเป็นรายได้แผ่นดินเพิ่มขึ้นด้วย

โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ยังกล่าวเพิ่มเติมว่า นายกรัฐมนตรี ได้ย้ำในที่ประชุมครม. ให้พิจารณาดำเนินการด้วยความรัดกุม รอบคอบและเหมาะสม  โดยคำนึงถึงผู้มีส่วนได้ส่วนเสียทุกกลุ่ม โดยเฉพาะกลุ่มผู้ขายที่เป็นผู้ด้อยโอกาสและคนพิการ นอกจากนี้ ให้พิจารณาข้อจำกัดในการใช้เทคโนโลยีสมัยใหม่เข้ามาช่วยขายสลากแบบดิจิทัลด้วย รวมทั้งดูแลกลุ่มผู้ขายสลากฯ แบบใบ ที่อาจมีรายได้ลดลงจากการถูกปรับลดจำนวนสลากฯ เนื่องจากมีการขายสลากฯ แบบดิจิทัลควบคู่กัน เป็นต้น


ข้อมูลจาก Thaigov

ภาพจาก TNN ONLINE

ข่าวที่เกี่ยวข้อง