จากสหรัฐฯ ถึงเกาหลีใต้ สแกมกัมพูชาเจอตอบโต้ แล้วไทยขยับไหม มีมาตรการอย่างไร ?

ทีมตอบโต้เกาหลีใต้เดินทางถึงกัมพูชา สหรัฐฯ และสหราชอาณาจักรยึดบิดคอยน์ เจ้าพ่อคอลเซ็นเตร์ ทั้ง สส.สหรัฐฯ ยังยื่นร่างกฎหมายทลายสแกมเซ็นเตอร์ คว่ำบาตรหลายบุคคลน่าสงสัย แล้วไทยมีมาตรการอะไรบ้าง ?
แต่ละประเทศเริ่มจัดการสแกมเมอร์กัมพูชาอย่างไร ?
หลายประเทศได้เริ่มมาตรการเด็ดขาด และจริงจัง ในการจัดการกับอาชญากรรมไซเบอร์ในกัมพูชาแล้ว เช่น สหรัฐฯ และสหราชอาณาจักร ที่ได้ประกาศความร่วมมือ คว่ำบาตรเครือข่ายขับเคลื่อนศูนย์สแกมเมอร์ในอาเซียน โดยกระทรวงยุติธรรมสหรัฐฯ ประกาศยึดบิตคอยน์มูลค่า 15 พันล้านดอลลาร์ ซึ่งถือเป็นเงินที่ได้จากการฉ้อโกง และฟอกเงิน โดยถือเป็นการยึดทรัพย์ครั้งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ของแผนกด้วย
ขณะที่สหราชอาณาจักรเอง ได้ประกาศแช่แข็งทรัพย์สินในลอนดอน ของผู้นําที่พบเบาะแสว่า เชื่อมโยงกับการสแกม และค้ามนุษย์ในกัมพูชา ซึ่งชื่อที่ถูกการสอบสวนพูดถึงนั้น ก็คือ เฉิน จื้อ ชายชาวจีน ที่ปัจจุบันถือสัญชาติชาวกัมพูชา ประธาบริษัท "ปรินซ์กรุ๊ป" (Prince Group) ที่มีกิจกรรมทางธุรกิจกว้างขวางทั่วกัมพูชา ทั้งกาสิโน และอสังหาริมทรัพย์ รวมไปถึงอาคารที่ตั้งศูนย์สแกมเมอร์ด้วย
นอกจากนายเฉิน และธุรกิจของเขาสหรัฐฯ และสหราชอาณาจักรยังได้ประกาศคว่ำบาตร กลุ่มบริษัท "จินเปย์กรุ๊ป" (Jin Bei Group) ธุรกิจบันเทิง และโรงแรมในสีหนุวิลล์, บจก.โกลเดน ฟอร์จูน รีสอร์ต เวิลด์ (Golden Fortune Resorts World Ltd.) ที่เชื่อมโยงกับปรินซ์กรุ๊ป และ "Byex Exchange" แพลตฟอร์มเงินคริปโตที่เชื่อมโยงกับจินเปย์กรุ๊ปและปรินซ์กรุ๊ป
ด้านสหรัฐฯ เอง สส.พรรครีพัลบิกัน ยังได้เสนอร่างกฎหมาย ‘พระราชบัญญัติทลายกลุ่มสแกมหลอกลวงข้ามชาติ’ (Dismantle Foreign Scam Syndicates Act) ซึ่งเสนอให้รัฐบาลสหรัฐฯ จัดตั้งคณะทำงานร่วมระหว่างหน่วยงาน เพื่อรื้อถอนและปิดล้อมองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติที่ก่ออาชญากรรมหลอกลวงทางออนไลน์ต่อชาวอเมริกัน
ซึ่งหากร่างกฎหมายนี้ ผ่านการพิจารณา สหรัฐฯ จะออกนโยบายปราบปรามกลุ่มอาชญากรข้ามชาติเหล่านี้ โดยจัดตั้งคณะกรรมการ และกระทรวงต่างๆ ที่จะทำหน้าที่กับองค์กรต่างๆ เช่น กดดันรัฐบาลต่างประเทศ ไปถึงสอบสวนควบคู่กับรัฐบาลจีน กำหนดบทลงโทษ และจัดทำบัญชีดำ บุคคลและประเทศที่เกี่ยวข้อง โดยในร่างนี้เองก็ได้ระบุชื่อ ประเทศกัมพูชาด้วย
ทั้งในร่างกฎหมายนี้เอง ยังได้มีมีลิสต์รายชื่อบุคคลที่ถูกจับตา และคว่ำบาตร ซึ่งก็มีทั้งชื่อของ เฉิน จื้อ, ปริ้นซ์กรุ๊ป, เบนจามิน เมาเออร์เบอร์เกอร์, ยิม เลียก ไปถึง ก๊ก อานด้วย
ด้านเกาหลีใต้เอง อี แจมยอง ปธน.เกาหลีใต้เองก็ได้ประกาศจะ ‘ดำเนินการทุกวิถีทางการทูต เพื่อปกป้องชาวเกาหลีใต้จากอาชญากรรมในกัมพูชา’ โดยกระทรวงการต่างประเทศเอง ก็ได้เรียกเอกอัครราชทูตชาวกัมพูชาเข้ามาเพื่อแสดงความกังวลต่อสถานการณ์อาชญากรรมในกัมพูชาที่มุ่งเป้าไปยังคนเกาหลี และเรียกร้องให้กัมพูชาจัดการปัญหา
ฝั่งตำรวจเอง การเจรจาทวิภาคีกับตำรวจกัมพูชาในกรุงโซล เกาหลีใต้ โดยจะมีการลงนาม MOU เกี่ยวกับการจัดตั้งโต๊ะเกาหลี และการส่งเจ้าหน้าที่เกาหลี รวมถึงหัวหน้ากองสืบสวนสอบสวนแห่งชาติไปเยือนกัมพูชา เพื่อตรวจสอบสถานการณ์
ซึ่งในวันที่ 15 ตุลาคมที่ผ่านมา ทีมตอบโต้ รวมถึง คิม จีนา รัฐมนตรีช่วยกว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ลำดับที่สอง และ “พัค ซอง-จู” หัวหน้าสำนักงานสอบสวนแห่งชาติของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ และยังมีทีมงานจากประกอบด้วยเจ้าหน้าที่จากกระทรวงการต่างประเทศ สำนักงานตำรวจ และหน่วยข่าวกรองแห่งชาติ (NIS) ก็ได้เดินทางถึงพนมเปญ และเตรียมหารือ จัดการปัญหาสแกมเมอร์ ที่ล่อลวงชาวเกาหลีใต้ด้วย
รวมไปถึงคำสั่งล่าสุดอย่างการแบนการท่องเที่ยว ยกระดับให้พื้นที่อย่างยอดเขาโบกอร์ เมืองบาเวต และปอยเปตอยู่ในระดับ 4 หรือห้ามเดินทาง ขณะที่ยกระดับสีหนุวิลล์ ในระดับ 3 หรือแนะนำให้ประชาชนออกจากพื้นที่ และพื้นที่อื่นๆ ยังอยู่ระดับภายใต้คําแนะนําการเดินทางพิเศษ หรือระดับ 2.5 รวมถึงพื้นที่ที่ไม่เคยติดแจ้งเตือน ก็ยกระดับเป็น ระดับ 2 คือ แนะนำให้พิจารณาก่อนท่องเที่ยว
แล้วทางไทย ดำเนินการอะไรบ้างแล้ว ?
ในวันที่ 15 ตุลาคม 2568 ที่ผ่านมา อนุทิน ชาญวีรกุล นายกฯ และ รมว.มหาดไทย ได้สัมภาษณ์สื่อแค่ว่าประเด็น สแกมเมอร์นั้น ไทยมีคนรับผิดชอบอยู่แล้ว ก่อนที่ล่าสุด จะได้ลงนามคำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรี แต่งตั้งคณะกรรมการอำนวยการป้องกัน และปราบปรามการกระทำความผิดอาชญากรรมทางเทคโนโลยี
และในการเยือนลาวเอง นายกฯ ยังได้หารือกับนายกฯ ของลาว ประสานศูนย์บริหารเหตุแก๊งคอลและการค้ามนุษย์นานาชาติด้วย แต่ถึงอย่างนั้น ก็มีการจี้ถามนายกฯ จากฝั่งฝ่ายค้าน ไม่ว่าจะเป็นรังสิมันต์ โรม รองหัวหน้าพรรคประชาชน ที่โพสต์ว่าอนุทิน หายไปไหน ทำไมไม่จัดการกับสแกมเมอร์ หรือ ชุติพงศ์ พิภพภิญโญ สส.ระยอง พรรคประชาชนเอง ที่ก็ได้จี้ถามอนุทินเช่นกัน ถึงมาตรการจัดการที่เด็ดขาด โดย สส.ประชาชนชี้ว่า แม้จะมีการตั้งกรรมการอำนวยการป้องกันและปราบปรามการกระทำความผิดอาชญากรรมทางเทคโนโลยีขึ้นมา แต่ในทางปฏิบัติได้มีการสั่งการหรือไม่
รวมไปถึงตั้งคำถามความสัมพันธ์บุคคลในรายชื่อ ที่รังสิมันต์ โรมอภิปรายไว้ ถึงนักธุรกิจที่อาจมีความเชื่อมโยงกับสแกมเมอร์ และก็มีความสัมพันธ์กับนักการเมืองไทยด้วยว่า อาจเป็นเหตุให้นายกฯ อนุทิน เกรงใจใครหรือไม่ ?
ซึ่งคงต้องติดตามหลังจากนี้ว่า เมื่อประเทศมหาอำนาจหลายฝ่ายเริ่มขยับ จัดการอย่างจริงจังแล้ว ไทยที่เป็นประเทศเพื่อนบ้าน ได้รับผลกระทบโดยตรงนั้น เมื่อตั้งคณะกรรมการผู้รับผิดชอบแล้ว จะมีมาตรการหลังจากนี้ออกมาอย่างไร และจะเด็ดขาดเหมือนช่วงที่จัดการสแกมเมอร์ในเมียนมาหรือไม่
Tag
ยอดนิยมในตอนนี้
