รีเซต

‘คลัง’ดันTISAเข้าครม.ปีนี้ เพิ่มเงินออมเว้นภาษี2แสน

‘คลัง’ดันTISAเข้าครม.ปีนี้ เพิ่มเงินออมเว้นภาษี2แสน
ทันหุ้น
12 ธันวาคม 2568 ( 08:45 )

#TISA #ทันหุ้น - “คลัง” ทบทวนเกณฑ์ลดหย่อนภาษี โครงการ TISA คาดเข้าครม.ในสิ้นปี โดยเฉพาะเกณฑ์ของผู้มีรายได้ต่ำกว่าหรือมากกว่า 1.5 ล้านบาท  ยันคงวงเงินออมเพื่อลดหย่อนไว้ที่ 8 แสนบาท ถือครองถึง 55 ปี  แต่เพิ่มเงินออมอีก 2 แสนบาท จะได้รับยกเว้นเสียภาษี “ดอกเบี้ย-เงินปันผล”  อาจถือครอง 5-7 ปี พร้อมเพิ่มลดหย่อนลงทุน Thai ESG เป็น 1.2 เท่า หนุนออมรับสังคมสูงวัย

นายเบญจรงค์  สุวรรณคีรี  ผู้ช่วยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า กระทรวงการคลังและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกำลังพิจารณารายละเอียดของมาตรการลดหย่อนภาษี ของโครงการโครงการบัญชีการออมการลงทุนส่วนบุคคล (Thailand Individual Savings Account) หรือ TISA ที่กระทรวงการคลังเตรียมเข้าสู่การพิจารณาของคณะรัฐมนตรี โดยเฉพาะในเรื่องของวงเงินรายได้ของผู้ออมที่นำมาหักลดหย่อนภาษีที่ยังเป็นเพียงสมมุติ เช่น คนที่มีรายได้มากกว่า 1.5 ล้านบาท ได้ลดหย่อนภาษี 0.7 เท่า ส่วนคนที่มีรายได้ต่ำกว่า 1.5 ล้านบาท ได้ลดหย่อนภาษี 1.3 เท่า

@คงไม่เกิน 8 แสนบาท

ส่วนข้อกำหนดของวงเงินในการลงทุนเพื่อลดหย่อนภาษีนั้น โดยจะกำหนดไว้ที่ไม่เกิน 8  แสนบาท ซึ่งในวงเงินนี้ ผู้ออมสามารถเลือกลงทุนได้ เช่น ประกันชีวิต กองทุนสำรองเลี้ยงชีพ ETF ตราสารหนี้ Thai ESG เป็นต้น จากเดิมการลงทุนแต่ละรายการจะมีการกำหนดวงเงินที่ใช้ในการลดหย่อนภาษี เช่น การลงทุนประกันชีวิตแบบบำนาญให้วงเงินลดหย่อนภาษีไว้ที่ 2 แสนบาทต่อปี แต่ในรูปแบบการลงทุนของ TISA นี้ สามารถเลือกลงทุนประกันชีวิตเพื่อลดหย่อนได้สูงสุด 8 แสนบาทต่อปีได้ ทั้งนี้ ระหว่างปี ผู้ลงทุนสามารถปรับเปลี่ยนการลงทุนด้วยตนเองได้ เพื่อสร้างความยืดหยุ่นในการลงทุน

นอกจากนี้ เรายังเปิดโอกาสให้เพิ่มวงเงินลงทุนเพื่อการออมได้อีก 2 แสนบาท ในวงเงินลงทุนนี้ ได้รับยกเว้นภาษีดอกเบี้ย เงินปันผล และ Capital Gains แต่ไม่สามารถนำไปรวมกับวงเงินลงทุน 8 แสนบาท เพื่อขอลดหย่อนภาษีได้ ทั้งนี้เมื่อรวมเงินลงทุนเพื่อการออม 8 แสนบาท กับวงเงินลงทุนเพื่อการออมอีก 2 แสนบาท เท่ากับว่า ผู้ออมจะได้สิทธิประโยชน์จากการลงทุนรวม 1 ล้านบาท

@เพิ่มวงเงินออม 2 แสนบาท

อย่างไรก็ดี สำหรับระยะเวลาการลงทุนเพื่อการออมวงเงิน 8 แสนบาทแรกนั้น จะกำหนดให้ถือไว้ 5 ปี และถอนวงเงินลงทุนได้เมื่ออายุ 55 ปี เช่น อายุ 53 ปี ต้องถือครองไปอีก 5 ปี เป็นต้น ส่วนวงเงินลงทุนเพื่อการออมใน 2 แสนบาทหลังนี้ ระยะเวลาการถอนอาจจะไม่ถึงอายุ 55 ปี แต่กำหนดระยะเวลาการถือครองอาจจะอยู่ที่ 5-7 ปี เป็นต้น ซึ่งในส่วนนี้ อยู่ระหว่างการพิจารณา ทั้งนี้เรายังเปิดกว้างให้ลงทุนได้มากกว่า 30% ของรายได้ และวงเงินลงทุนเพื่อการออมทั้งหมดนี้สามารถนำมาเป็นหลักทรัพย์ค้ำประกันในการกู้ยืมเงินได้ 25% ของวงเงินที่ออม

“กระทรวงการคลังจะพยายามสรุปรายละเอียดเพื่อเสนอเข้าสู่การประชุมของคณะรัฐมนตรีให้ได้ภายในปีนี้ เพื่อให้วงเงินการออมดังกล่าวทันใช้สำหรับการลงทุนเพื่อลดหย่อนภาษีในปีหน้า”

ด้านนายเอกนิติ  นิติทัณฑ์ประภาศ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังกล่าวว่า ก่อนหน้านี้วงเงินลดหย่อนภาษีรวมอยู่ที่ 8 แสนบาทอยู่แล้ว โดยมาจากกองทุนธรรมดา 5 แสนบาท และ Thai ESG 3 แสนบาท และในปีหน้าสิทธิลดหย่อนจะเหลือ 6 แสนบาท และเหลือ 5 แสนบาท ในปี 2576 

ดังนั้นรัฐบาลจึงเลือกขยายวงเงินเป็น 8 แสนบาทแบบถาวร เพื่อให้วางแผนการออมได้ระยะยาว และไม่ต้องมาขอต่ออายุทุกๆ ปี อีกทั้งยังให้แต้มต่อ กองทุนThai ESG ที่ลดหย่อนได้ 1.2 เท่าด้วย

@หวังเงินเข้าหุ้นไทย

ด้านศ.ดร.พรอนงค์ บุษราตระกูล เลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.)กล่าวว่า แม้ว่าคนที่มีรายได้สูง จะได้รับตัวคูณในการลดหย่อนภาษี TISA ที่ต่ำกว่าคนที่มีรายได้น้อย แต่เมื่อมองทั้งแพ็กเกจของบัญชี TISA จะเห็นว่า คนที่มีรายได้สูง ยังได้สิทธิประโยชน์ทางภาษีเพิ่มเติมอีกด้วย โดยเงินออม และเงินลงทุน ที่อยู่นอกเหนือบัญชี TISA ไม่เกิน 2 แสนบาท หากได้รับดอกเบี้ย เงินปันผล และ Capital Gain จะได้รับการยกเว้นภาษี

แม้ว่าคนที่มีรายได้สูง จะได้รับตัวคูณที่ต่ำกว่าคนที่มีรายได้น้อย แต่เมื่อมองทั้ง Package ของบัญชี TISA จะเห็นว่า คนที่มีรายได้สูง ยังได้สิทธิประโยชน์ทางภาษีเพิ่มเติมอีกด้วย โดยเงินออม และเงินลงทุน ที่อยู่นอกเหนือบัญชี TISA ไม่เกิน 2 แสนบาท หากได้รับดอกเบี้ย เงินปันผล และ Capital Gain จะได้รับการยกเว้นภาษี

โดยมาตรการนี้จะช่วยดึงให้คนไทยเข้ามาลงทุนในตลาดหลักทรัพย์มากขึ้น จากปัจจุบันมีบัญชีลงทุนในตลาดเพียง 6 ล้านบัญชี คิดเป็นจำนวนคนลงทุน 3 ล้านคน จากคนไทยทั้งประเทศ 70 ล้านคน

ยอดนิยมในตอนนี้

แท็กยอดนิยม

ข่าวที่เกี่ยวข้อง