รีเซต

เปิดมุมมอง 4 โบรกฯ ส่องกลยุทธ์ลงทุน พร้อมเสิร์ฟหุ้นเด่นวันนี้

เปิดมุมมอง 4 โบรกฯ ส่องกลยุทธ์ลงทุน พร้อมเสิร์ฟหุ้นเด่นวันนี้
ทันหุ้น
14 กุมภาพันธ์ 2565 ( 09:40 )
218

#SET #ทันหุ้น - บล.ฟินันเซีย ไซรัส จำกัด (มหาชน) มองแนวโน้มตลาดวันนี้ คาด SET Index ยังมีแนวโน้มพักตัวระยะสั้นลงทดสอบกรอบ 1,685-1,690 จุด จากบรรยากาศการลงทุนที่ยังค่อนข้างเป็นลบจากแรงเทขายสินทรัพย์เสี่ยงทั่วโลก โดยยังคงกังวลต่อทิศทางนโยบายการเงินโดยเฉพาะ FED ที่จะตึงตัวขึ้นเร็ว และมีโอกาสที่จะขึ้นดอกเบี้ยถึง 7 ครั้งหรือ 1.75% ในปีนี้ 

 

ขณะที่กลุ่มพลังงานคาดเป็นกลุ่มประคองตลาดตามราคาน้ำมันดิบที่พุ่งแรง โดยอีกประเด็นที่ต้องติดตาม คือ สถานการณ์ตึงเครียดในยูเครน ประเมินว่าหุ้นกลุ่ม Tech และ Growth ที่ปัจจุบันซื้อขายที่ระดับ PER สูงยังคงถูกกดดัน ขณะที่กลุ่ม Domestic และ Value Play จะปรับตัวได้แข็งแรงกว่า โดยเฉพาะแรงหนุนจากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ รวมถึงภาคการท่องเที่ยวที่จะเริ่มฟื้นตัวชัดขึ้นใน 2H22 หนุนการเติบโตระยะยาวและหนุนกระแสเงินทุนคาดยังไหลเข้า กลยุทธ์ยังเน้นลงทุนในหุ้นที่คาดมีกำไร 4Q21 แข็งแกร่งและ PER/PBV ไม่สูง 

 

กลยุทธ์ : เลือกลงทุนในหุ้น Value และมีแนวโน้มกำไร 4Q21 แข็งแกร่ง

หุ้นเด่นเดือนก.พ. : GFPT, HMPRO, PJW, SC, TKS

 

หุ้นเด่นวันนี้ : JWD

• แนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 23 บาท

• เราปรับเพิ่มคาดการณ์กำไรสุทธิ 4Q21 เป็น 170 ลบ. All time high +22% Q-Q, +124% Y-Y หลัง Transimex (JWD ถือ 24.62%) ในเวียดนามประกาศงบแล้วออกมาโดดเด่นอย่างมาก

• เราปรับเพิ่มประมาณการกำไรสุทธิปี 2021-2022 ขึ้นเป็น +95% Y-Y และ +26% Y-Y ตามลำดับ ระยะยาวมองบวกจากการเก็บเกี่ยวประโยชน์จากการลงทุนหลายดีลในปีก่อน การฟื้นตัวของบ.ร่วมในเวียดนามและกัมพูชา และอยู่ใน supply chain ของ E-Commerce ที่เป็น Megatrend โลก

• แนวรับ 17//16.50 บาท แนวต้าน 18.50//19.20 บาท      

 

**บล.คิงส์ฟอร์ด จำกัด วางแนว Filter แนวรับ SET ที่ 1,680 – 1,685 ยืนได้ถือพอร์ตต่อ โดยมีแนวต้าน 1,710 แนะนำทยอยซื้อช่วงดัชนี่อ่อนตัว KBANK,SCB,BBL,PTT,ADVANC,INTUCH,CPALL,HMPRO,MAKRO (+กลุ่ม Big Cap เป็นเป้าหมายการซื้อของ Fund Flow ต่างชาติ )

 

WORK* (ซื้อเก็งกำไร / ราคาเป้าหมายเฉลี่ย IAA Consensus 27.00 บาท) แนวโน้มประกอบการ 4Q64 ดีขึ้น YoY จากอัตราการการใช้เวลาโฆษณาและการควบคุมค่าใช้จ่าย ช่วยชดเชยรายได้จากธุรกิจอื่นที่ลดลงด้วยผลกระทบของ COVID-19 อย่างไรก็ตามหากเทียบ QoQ จะอ่อนตัวลงจากค่าใช้จ่าย SG&A ที่เพิ่มเป็นประจำทุกปี ทั้งนี้มองแนวโน้มปี 65 คาดเม็ดเงินโฆษณาฟื้นตัวตามภาวะเศรษฐกิจราว 5% โดยสื่อทีวีดิจิทัลยังครองส่วนแบ่งเม็ดเงินโฆษณาสูงสุด ซึ่ง WORK ยังคงเน้นรายการวาไรตี้ เกมส์โชว์ พร้อมปรับผังรายการใหม่ และใช้ช่องทางออนไลน์ เพื่อเพิ่ม Rating และหากสถานการณ์ COVID-19 ดีขึ้นจะช่วยหนุนรายได้ทางด้านอื่นฟื้นตัวเช่นกัน

 

HMPRO* (ซื้อเก็งกำไร / ราคาเป้าหมาย IAA Consensus 16.60 บาท) กลุ่มค้าปลีกได้ปัจจัยหนุนจากการเปิดประเทศ รวมถึงมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐฯที่มีมาอย่างต่อเนื่องช่วยกำลังซื้อของผู้บริโภค อาทิเช่น ช็อปดีมีคืน, คนละครึ่ง เป็นต้น นอกจากนี้การฟื้นตัวของตลาดอสังหาตามม.ผ่อนคลาย(ลดค่าการจดทะเบียน/LTV) ก็เป็นบวกต่อสินค้าแต่งบ้าน ด้านตลาดเองประเมินภาพรวมของการดำเนินงานในปีนี้ของ HMPRO ยังสามารถขยายตัวได้(EPS ปี65 และ 66 ที่ 0.47 และ 0.52 บ./หุ้น)  โดยบ.ยังคงกลยุทธ์เน้นการเพิ่ม Profit Margin จากสินค้า Private Brands และการขยายสาขาในประเทศ(ปี65 ตั้งเป้าที่ราว 4-5 สาขา)

 

**บล.เคจีไอ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) (KGI) ประเมิน SET Index วันจันทร์ เทรดในกรอบแคบๆ... หลังจากเมื่อวันศุกร์ที่แล้ว ตลาดหุ้นไทยปิดลบเล็กน้อย รับปัจจัยลบจากต่างประเทศ หลังเงินเฟ้อสหรัฐฯ พุ่งแรงและเจ้าหน้าที่ระดับสูงของเฟดสนับสนุนให้มีการประชุมฉุกเฉินเพื่อปรับขึ้นดอกเบี้ย ขณะที่ต่างชาติยังเข้าซื้อสุทธิต่อเนื่อง ช่วยจำกัดทางลงของตลาดเอาไว้... ขณะที่ในวันนี้ ปัจจัยโดยรวมต่อตลาดหุ้นเป็นกลาง/ลบเล็กน้อย

 

i) ตลาดหุ้นสหรัฐฯ เมื่อวันศุกร์รวมทั้งตลาดหุ้นเอเชียเช้าวันนี้ปรับลงค่อนข้างแรง สะท้อนความกังวลต่อสถานการณ์ในยูเครน หลังจากสหรัฐฯ และอังกฤษถอนทหารออกจากยูเครนและลดจำนวนนักการฑูตลงมาอยู่ในระดับต่ำสุด เนื่องจากมองว่ามีความเสี่ยงสูงขึ้นอีกว่ารัสเซียจะใช้กำลังทหารกับยูเครน ซึ่งประเด็นดังกล่าวหนุนให้ราคาน้ำมันดิบ WTi พุ่ง 4.3% และน่าจะหนุนหุ้นกลุ่มพลังงานในวันนี้

 

 ii) ธ.กลางสหรัฐฯ (เฟด) นัดประชุมพิเศษในวันนี้ เพื่อถกประเด็นเศรษฐกิจและอัตราดอกเบี้ยในสหรัฐฯ ซึ่งน่าติดตามว่าจะมีการประกาศปรับขึ้นดอกเบี้ยนอกรอบประชุม FOMC หรือไม่... ด้านปัจจัยภายในประเทศ เช้าวันนี้ ศบค. รายงานจำนวนผู้ติดเชื้อ COVID-19 อยู่ที่ 14,900 ราย เสียชีวิต 26 ราย และหายป่วยกลับบ้าน 9,810 ราย ขณะที่ปัจจัยการเมืองนั้น วันนี้ กกต. จะพิจารณาลงมติ ว่าการที่พรรคพลังประชารัฐฯ ขับ ส.ส. กลุ่ม 'ธรรมนัส พรหมเผ่า' นั้นขัดต่อกฎหมายหรือไม่ 

 

หุ้นเด่นวันนี้ ตามปัจจัยพื้นฐาน แนะเก็งกำไร PTT*, MAKRO, TTB*

 

PTT* (เป้าพื้นฐาน 55 บาท) 1) ประเมินแนวรับ 40 บาท / แนวต้าน 41 - 42.5 บาท หากผ่านกรอบแนวต้านนี้ได้ ประเมินมีโอกาสทดสอบแนวต้านถัดไป +/- 44 บาท (Stop loss 39.5 บาท) 2) ประเมิน Sentiment บวกจาก i) แนวโน้มผลการดำเนินงาน 4Q64 โต YoY, QoQ โดยเฉพาะธุรกิจน้ำมันและโรงกลั่นที่คาดจะดีขึ้นตามแนวโน้มราคาน้ำมัน ii) เริ่มการลงทุน JV กับ Foxconn เพื่อสร้างโรงงานผลิตรถ EV ในไทย (คาดเริ่มผลิตเพื่อขายเชิงพาณิชย์ได้ในต้นปี 2567) ลุ้นที่ประชุม ครม. อนุมัติมาตรการสนับสนุนธุรกิจอีวีเร็วๆนี้ 3) ฝ่ายวิจัยฯประเมินปันผลปี 2564 = 2.23 บาทต่อหุ้น (คาดส่วนที่เหลือของปี 2564 อีกราว +1 บาทต่อหุ้น Yield 2.5%) และคาดปันผลปี 2565 อีก 2.3 บาทต่อหุ้น Yield 5.7%)

 

MAKRO (เป้า Consensus 48.96 บาท) 1) ประเมินแนวรับ 41 บาท / แนวต้าน 42.5 – 45.0 บาท (Stop loss 40 บาท) 2) ประเมินเป็นหุ้น Laggard กลุ่มค้าปลีก ขณะที่ Consensus คาดกำไรปี 2565 จะเติบโต +79% YoY (EPS +37% YoY) จากการรวมผลการดำเนินงาน Lotus เข้ามาและการฟื้นตัวของการบริโภค (โดยเฉพาะภาคการท่องเที่ยว ร้านอาหาร) และคาดภาวะเงินเฟ้อในหมวดอาหารปัจจุบันเป็นบวกกับยอดขายโดยรวมของ MAKRO 3) Forward PE ปี 2565 คาดจะลดลงเหลือ 35.4 เท่า (ลดลงจาก Forward PE อิง EPS 2564 ที่ 44 เท่า) 

 

TTB* (เป้าพื้นฐาน 1.6 บาท) 1) ประเมินแนวรับ 1.40 บาท / แนวต้าน 1.47 – 1.50 บาท (Stop loss 1.34 บาท) 2) ประเมินแนวโน้มเศรษฐกิจฟื้นตัว + อัตราดอกเบี้ยผ่านจุดต่ำสุดเป็นบวกต่อหุ้นกลุ่มธนาคาร ขณะที่ราคาหุ้น TTB* Laggard หุ้นธนาคารอื่นๆ 3) Valuation ไม่แพง PBV 0.66 เท่า และคาดปันผล 0.05 บาท/หุ้น (Yield 3.5%)  

 

**บล.เคทีบีเอสที จำกัด (มหาชน) คาดกรอบดัชนีฯ สัปดาห์นี้ (14-18 ก.พ.65) อยู่ที่ 1680-1715จุด (สัปดาห์ที่ผ่านมา 1699.20จุด / +1.49%) 16 Feb ตลาดจะรอดูรายงานประชุม FOMC การที่ Fed เตรียมขึ้นดอกเบี้ย ฉุดให้นักลงทุนชะลอการ ลงทุน ประเด็นที่จะเข้ามากลบความร้อนแรงของดอกเบี้ยสหรัฐฯ คือ สถานการณ์ยูเครน และตัวเลขผู้ติดเชื้อ Omicron ของไทยที่สูงขึ้นเรื่อย ๆ

 

จุดแข็งตลาดหุ้นไทย คือ กำไรตลาดยังดี (4Qราว 2.0 แสนลบ.) เงินปันผลจ่ายที่สูงดี และเศรษฐกิจฟื้น แต่นักลงทุนจะให้ความสนใจกับหุ้นที่ดีจากปัจจัยข้างต้น เราจึงน่าจะเห็นแรงซื้อที่กระจุกในหุ้นบางตัว

 

หุ้นแนะนำประจำสัปดาห์นี้

ตลาดมีตัวช่วย คือ กำไรตลาดที่ดี แต่เริ่มมีตัวแปรใหม่ๆ ที่เข้ามากวน คือ รัสเซียอาจโจมตียูเครน การเมืองในประเทศ และ Omicron ตลาดอาจมีการปรับฐานลงไปแถวๆ 1680 จุด ให้ไปรอซื้อแถวๆนั้น เลี่ยงหุ้นที่ถูกกระทบจากสถานการณ์ยูเครน คือ หุ้นที่มีฐานรายได้ในยุโรป หุ้น Tech แต่หุ้นที่ได้ประโยชน์ คือ หุ้นน้ำมัน (PTTEP, PTT)

 

ตัวเลขติดเชื้อ Omicron ในไทยกำลังเร่งตัว เล่นได้แต่ต้องระวังในหุ้นท่องเที่ยวและธุรกิจการบิน

 

ถ้าจะ copy trade หุ้นที่ฝรั่งซื้อ เมื่อวันศุกร์ หุ้นลำดับแรกที่ฝรั่ง net buy มากที่สุดคือ SCB, KBANK, PTT, BBL, ADVANC, MAKRO

 

พอร์ตหุ้นวันนี้เรานำ  TU, TIDLOR*, THCOM*, GULF ออก และเพิ่มหุ้น SCB,PTTEP, TRUE เข้ามาแทน หุ้นในพอร์ตประกอบด้วย SCB(10%), PTTEP(10%), TRUE*(10%), MAKRO*(10%), SCGP(15%), PTT*(15%)

 

SCB: (เป้าเชิงกลยุทธ์ 144.00 บาท) “แบงก์ใหญ่แกร่งรับ Flow ด้านสินเชื่อโต รับเศรษฐกิจฟื้น”

• หุ้น ธ. ใหญ่เป็นเป้าของ Flow ต่างชาติ ด้านพื้นฐานแกร่งตั้งเป้าสินเชื่อโต 3-5% ส่วน NPL ไม่เกิน 4% รับเศรษฐกิจในประเทศที่ฟื้นตัว

• เดินหน้า Transform ธุรกิจ ปรับเพิ่มสัดส่วนรายได้จากธุรกิจใหม่ (Digital Finance) เป็นบวกต่อความสามารถในการทำกำไรและจะเพิ่ม ROE ในระยะยาว

• KTBST ประเมินกำไรสุทธิปี 2022-2023 ที่ 3.99 หมื่น ลบ. และ 4.35 หมื่น ลบ. +11%YoY, +11%YoY ตามลำดับ

 

ยอดนิยมในตอนนี้

แท็กยอดนิยม

ข่าวที่เกี่ยวข้อง