ETE งานวิศวกรรมรัฐล้นมือ ควัก 800 ล.อัพกำลังผลิต
#ETE #ทันหุ้น – ETE บิ๊กโปรเจ็กต์โครงการวิศวกรรมจ่อเข้าเพียบ เล็งคว้างานราชการใหม่เร็วๆ นี้ ตั้งเป้ารับทรัพย์ 200-300 ล้านบาท ใส่เกียร์ลุยธุรกิจพลังงาน เล็งทุ่มงบ 700-800 ล้านบาท อัพกำลังผลิตอีก 2-3 เมกะวัตต์ จากปัจจุบันที่ 16.47 เมกะวัตต์ พร้อมเดินเครื่องโรงงานไม้สับ
นายไรวินท์ เลขวรนันท์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บูรพา เทคนิคอล เอ็นจิเนียริ่ง จำกัด (มหาชน) หรือ ETE เปิดเผยว่า ทิศทางธุรกิจปี 2565 จะดีกว่าปี 2564 เพราะบริษัทเริ่มเห็นสัญญาณการจ้างงานโครงการวิศวกรรมโครงการใหญ่จะออกมาให้ประมูลเป็นจำนวนมาก ขณะเดียวกันบริษัทได้งานวิศวกรรมจากหน่วยงานราชการแล้วบางส่วน แต่ยังไม่ประกาศอย่างเป็นทางการ
** บุ๊กเงินเข้าพอร์ต
อีกทั้งบริษัทคาดจะรับรู้เงินจากการตั้งสำรอง 50 กว่าล้านบาท จากโครงการการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค ในการจ้างเหมาก่อสร้างสายส่งระบบ 115 kv ช่วงสถานีไฟฟ้าปัตตานี 2 – สถานีไฟฟ้าสายบุรี จังหวัดปัตตานี จากมูลค่าโครงการทั้งหมด 125 ล้านบาท คาดจะเริ่มส่งมอบงานและทยอยรับรู้รายได้ประมาณปลายไตรมาส 1/2565 หรือต้นไตรมาส 2/2565หากบริษัทสามารถรับรู้รายได้ได้ตามแผนจะส่งผลให้ทิศทางผลประกอบการปรับตัวดีขึ้น จากการรับรู้รายได้การส่งมอบงานโครงการปกติ
ทั้งนี้บริษัทมีแผนจะเข้ารับงานวิศวกรรมให้กับหน่วยงานราชการ หรือวิศวกรรมอื่นที่ยังไม่เคยรับงานมาก่อน คาดจะเห็นความชัดเจนเร็วๆ นี้ โดยบริษัทตั้งเป้ารายได้จากการวิศวกรรมใหม่ราว 200-300 ล้านบาทภายในปี 2565 หากได้งานตามแผน คาดจะผลักดันงานในมือ หรือ Backlog ปี 2565 เติบโตอย่างมีนัยสำคัญ ทั้งนี้คาดจะเห็นความชัดเจนในการรับงานใหม่ ประมาณกลางเดือนกุมภาพันธ์นี้
** ดันรายได้เติบโต 30%
อย่างไรก็ตามบริษัทคาดรายได้ปี 2565 จะเติบโต 30% ต่อจากปี 2564 จากการส่งมอบงานวิศวกรรม และรับรู้รายได้จากธุรกิจพลังงาน และคาดอัตรากำไรขั้นต้น (มาร์จิ้น) มีแนวโน้มจะปรับตัวเพิ่มขึ้นสูง ตามการเดินเครื่องเชิงพาณิชย์ธุรกิจพลังงาน ทั้งโรงไฟฟ้าชีวมวล และโรงงานไม้สับ เพราะธุรกิจดังกล่าวมีมาร์จิ้นสูง
ทั้งนี้ภายในเดือนพฤษภาคม 2565 จะเดินเครื่องเชิงพาณิชย์ หรือ COD โรงไฟฟ้าชีวมวล กำลังผลิต 1 เมกะวัตต์ จากปัจจุบันบริษัทมีโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ (โซลาร์ฟาร์ม) กำลังการผลิตรวม 16.47 เมกะวัตต์
นอกจากนี้ปี 2565 บริษัทตั้งเป้าจะขยายกำลังผลิตโรงไฟฟ้าเพิ่มอีก 2-3 เมกะวัตต์ โดยอยู่ระหว่างศึกษาแผนการลงทุนทั้งการพัฒนาโครงการเอง และการซื้อกิจการ เบื้องต้นบริษัทวางงบลงทุนสำหรับขยายกำลังผลิตโรงไฟฟ้า 700-800 ล้านบาท บริษัทมองอัตราผลตอบแทน หรือ IRR อยู่ในตัวเลขสองหลัก ทำให้บริษัทสนใจขยายการลงทุนธุรกิจพลังงาน เพื่อสร้างฐานการเติบโตที่แข็งแกร่งในอุตสาหกรรมนี้
** เริ่ม COD โรงไม้สับ
นายไรวินท์ กล่าวต่อว่า บริษัทจะ COD โรงไม้สับตำบลโชง อำเภอน้ำยืน จังหวัดอุบลราชธานี ภายในเดือนมิถุนายนนี้ สำหรับโรงงานดังกล่าวจะช่วยสนับสนุนวัตถุดิบโรงไฟฟ้าชีวมวลให้กับบริษัท
ส่วนธุรกิจวิศวกรรมด้านการสื่อสาร อาจต้องจับตาดูผู้ประกอบการอย่าง AIS, TRUE ว่าจะลงทุนขยายเสาส่งสัญญาณ 5G ต่อไปในทิศทางใด เนื่องจากปัจจุบันภาครัฐเริ่มเปิดประเทศ นักท่องเที่ยวยังเดินทางเข้าประเทศไทยไม่มาก หากลงทุนขยายโครงข่าย 5G อาจจะยังไม่คุ้มค่า เพราะจำนวนผู้ใช้บริการไม่สูง
ด้านธุรกิจบริการบริหารจัดการ หรือ Outsource ปัจจุบันอยู่ระหว่างเข้าประมูลงานราว 5 พันล้านบาท คาดจะสรุปได้เร็วๆ นี้ บริษัทจะพยายามรักษาการรับงานใหม่ให้ใกล้เคียงกับที่ผ่านมา หรือได้งานมากกว่า 10% หากได้งานตามแผน เชื่อว่างาน Outsource จะเข้ามาสนับสนุนผลประกอบการในปี 2565 เป็นต้นไป