รีเซต

ทำไมสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมชนิดอื่น จึงสูญหายไปในบริเวณคุ้มครองแพนด้า

ทำไมสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมชนิดอื่น จึงสูญหายไปในบริเวณคุ้มครองแพนด้า
ข่าวสด
5 สิงหาคม 2563 ( 11:39 )
312

 

ทำไมสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมชนิดอื่น จึงสูญหายไปในบริเวณคุ้มครองแพนด้า - BBCไทย

การอนุรักษ์แพนด้าเป็นหนึ่งในความสำเร็จของงานด้านอนุรักษ์

ความพยายามหลายสิบปีในการสร้างที่อยู่อาศัยที่ได้รับการคุ้มครองแก่แพนด้า ทำให้แพนด้าเพิ่มจำนวนขึ้น จากที่เกือบจะสูญพันธุ์

แต่จากการศึกษาใหม่พบว่า สัตว์อีกหลายชนิดในบริเวณเดียวได้รับประโยชน์จากการอนุรักษ์แพนด้า แต่อีกหลายชนิดกลับหายไปเกือบหมด

เสือดาว, เสือดาวหิมะ, หมาป่า และหมาใน หายไปจากพื้นที่คุ้มครองส่วนใหญ่

นักวิจัยในจีนกล่าวว่า การตัดไม้ การล่าสัตว์ และโรคภัยต่าง ๆ ทำให้สัตว์เหล่านี้ใกล้สูญพันธุ์ การสูญหายไปของพวกมันอาจนำไปสู่ "การเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญ อาจจะถึงขั้นการล่มสลายในระบบนิเวศวิทยาได้"

 

Getty Images
ความพยายามหลายสิบปีในการอนุรักษ์ทำให้แพนด้าเพิ่มจำนวนขึ้น

 

แม้ว่าสัตว์ป่าอื่นบางชนิดจะได้รับประโยชน์ แต่ความพยายามในการอนุรักษ์ดังกล่าวส่งผลกระทบต่อสัตว์กินเนื้อขนาดใหญ่อย่างเสือดาวและหมาป่า

หากไม่มีสัตว์อย่างเสือดาวและหมาป่า กวางและปศุสัตว์อื่น ๆ ก็จะเร่ร่อนหากินไปได้ทั่วโดยไม่ต้องหวาดกลัว ทำให้เกิดความเสียหายต่อที่อยู่อาศัยตามธรรมชาติ และส่งผลกระทบทางอ้อมแก่สัตว์ป่าชนิดอื่น ๆ รวมถึงแพนด้าเองด้วย

 

นักอนุรักษ์เชื่อว่า การปกป้องพื้นที่ป่าให้แพนด้าไม่เพียงแต่จะช่วยคุ้มครองแพนด้า แต่สัตว์อีกหลายสายพันธุ์ที่อาศัยอยู่ในบริเวณเดียวกันก็จะได้รับประโยชน์ไปด้วย

คณะนักวิจัยระบุว่า จำเป็นต้องใช้แนวทางที่ครอบคลุมและกว้างขวางยิ่งขึ้นในการจัดการกับระบบนิเวศวิทยาซึ่งมีแพนด้าอาศัยอยู่ และต้องเป็นแนวทางที่ไม่ทำให้สัตว์สำคัญสูญหายไปด้วย

 

Getty Images
จีนเป็นที่อยู่อาศัยของเสือดาวหิมะมากที่สุดในโลก

ดร. เซิ่ง หลี่ จากมหาวิทยาลัยปักกิ่งในกรุงปักกิ่ง ผู้ร่วมศึกษา กล่าวว่า นี่เป็นเรื่อง "จำเป็นอย่างยิ่งในการเพิ่มความยั่งยืนและความสามารถในการฟื้นตัวของระบบนิเวศ ไม่ใช่แค่เพื่อแพนด้า แต่เพื่อสัตว์ป่าชนิดอื่น ๆ ด้วย"

การทำเรื่องนี้ให้สำเร็จ นักวิจัยได้กำหนดมาตรการหลายอย่าง รวมถึงการบังคับใช้กฎหมายกับการล่าสัตว์และการฟื้นฟูที่อยู่อาศัยของสัตว์ต่าง ๆ ที่เป็นอาหารของสัตว์กินเนื้อ

 

 

แพนด้าถูกมองว่าเป็นความสำเร็จของการอนุรักษ์ที่จับต้องได้ จำนวนแพนด้าในป่าเพิ่มขึ้นหลังจากลดลงมาหลายปี ในปี 2016 สถานะแพนด้าถูกปรับขึ้นจากสัตว์ประเภท "ใกล้สูญพันธุ์" เป็น "เสี่ยงต่อการสูญพันธุ์" ในบัญชีแดงของสหภาพระหว่างประเทศเพื่อการอนุรักษ์ธรรมชาติ (International Union for Conservation of Nature-IUCN)

สัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมสีขาวดำที่ไม่เหมือนใครชนิดนี้ ถือว่าเป็น "สายพันธุ์ที่ให้ร่มเงา" ซึ่งเป็นสัตว์สายพันธุ์ที่ถูกเลือกสำหรับการอนุรักษ์ เพราะว่าการคุ้มครองสัตว์เหล่านี้ จะเป็นการช่วยเหลือสัตว์อื่นในระบบนิเวศทางอ้อมไปด้วย

 

ในกรณีของแพนด้าที่อาศัยอยู่ตามธรรมชาติ การคุ้มครองป่าที่พวกมันอาศัยอยู่จะเป็นผลดีต่อสัตว์และพืชอื่น ๆ รวมถึงนกและสัตว์กินเนื้อขนาดเล็ก

แต่สัตว์นักล่าขนาดใหญ่อย่างเสือดาว หมาป่า และสุนัขป่าเอเชียที่ไม่ค่อยมีใครรู้จัก หรือหมาใน ดูเหมือนจะมีอาหารให้กินลดลง

 

นับตั้งแต่มีการตั้งเขตสงวนแพนด้าในช่วงทศวรรษ 1960 สัตว์ทั้ง 4 สายพันธุ์นี้ก็หายไปจากพื้นที่ส่วนใหญ่ของเขตสงวน เสือดาวหายไปจาก 81% ของพื้นที่เขตสงวน ส่วนเสือดาวหิมะ หมาป่า และหมาใน หายไป 38%, 77% และ 95% ของพื้นที่เขตสงวนตามลำดับ

 

Getty Images
หมาในได้รับผลกระทบจากการสูญเสียถิ่นที่อยู่และโรคภัย

 

จำนวนของพวกมันก็ลดลงมาก ยกตัวอย่าง มีการพบเห็นหมาในเพียง 4 ครั้ง จากข้อมูลที่เก็บมาจากสถานีสำรวจเกือบ 8,000 แห่ง ซึ่งมีกล้องบันทึกภาพในช่วงกลางวันกว่า 1.5 ล้านตัว

ศ. ซามูเอล เทอร์เวย์ จากสมาคมสัตววิทยาลอนดอน (Zoological Society of London--ZSL) ซึ่งไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับการศึกษานี้ กล่าวว่า การอนุรักษ์ในจีนและแห่งอื่นในโลกมักจะเป็นเรื่องของการคุ้มครองพื้นที่สำหรับสัตว์ที่เป็นเป้าหมายหลักในการอนุรักษ์ ซึ่งมีประโยชน์ต่อความหลากหลายทางชีวภาพในภูมิภาคมากกว่า

 

เขากล่าวว่า สัตว์เหล่านี้รวมถึงแพนด้าในตอนกลางของจีน และชะนีที่ใกล้ต่อการสูญพันธุ์อย่างยิ่งในไหหลำ

"การทำเช่นนี้เป็นการฟื้นฟูสัตว์สำคัญบางสายพันธุ์ แต่ความพยายามในการรักษาความหลากหลายทางชีวภาพที่ถูกคุกคาม ต้องพูดถึงกิจกรรมของมนุษย์ในระดับระบบนิเวศที่กว้างออกไปด้วย ไม่เช่นนั้น สัตว์ที่ไม่ได้เป็นกลุ่มเป้าหมายก็อาจจะค่อย ๆ ลดจำนวนลงโดยไม่มีใครสังเกต" ศ. เทอร์เวย์ กล่าว

 

ในการศึกษานี้ นักวิจัยวิเคราะห์ข้อมูลจากพื้นที่คุ้มครอง 73 แห่ง รวมถึงเขตสงวนพันธุ์แพนดา 66 แห่ง เปรียบเทียบกับข้อมูลจากการสำรวจในอดีตที่ใช้กล้องในการเก็บภาพนาน 10 ปี

งานวิจัยนี้ตีพิมพ์ในวารสารวิวัฒนาการและนิเวศวิทยาธรรมชาติ (Nature Ecology & Evolution)

ข่าวที่เกี่ยวข้อง