ไทยเผชิญวิกฤตน้ำ 2 ขั้ว อีสานแล้งหนัก น้ำท่วมฉับพลันภาคเหนือ

ประเทศไทยกำลังเผชิญกับปัญหาภัยแล้งและน้ำท่วมในหลายพื้นที่ ส่งผลกระทบอย่างหนักต่อวิถีชีวิตและความเป็นอยู่ของประชาชน ทั้งการขาดแคลนน้ำอุปโภคบริโภค ไปจนถึงความเสียหายของบ้านเรือนและสิ่งปลูกสร้าง

ภัยแล้งวิกฤตในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ

พื้นที่ในจังหวัดนครราชสีมา โดยเฉพาะที่บ้านโคกเพชรและบ้านกู่ศิลาขันธ์ ประสบปัญหาขาดแคลนน้ำอย่างหนักที่สุดในรอบ 30 ปี เนื่องจากฝนทิ้งช่วงยาวนานและอากาศร้อนจัด ทำให้แหล่งน้ำผลิตน้ำประปาแห้งขอด ชาวบ้านต้องซื้อน้ำจากภายนอกเพื่อการอุปโภคบริโภค

ในจังหวัดมหาสารคาม ภัยแล้งลุกลามเป็นวงกว้าง แหล่งน้ำธรรมชาติลดลงอย่างเห็นได้ชัด โดยเฉพาะอ่างเก็บน้ำห้วยคะคางและหนองกระทุ่ม ที่เหลือน้ำไม่ถึงร้อยละ 30 ของความจุ ชลประทานจึงขอความร่วมมือทุกภาคส่วนใช้น้ำอย่างประหยัด และเตรียมช่วยเหลือผู้ประสบภัยแล้ง

การรับมือภัยแล้งในเขตภาคกลาง

ที่จังหวัดนครสวรรค์ เจ้าหน้าที่ได้ระดมสูบน้ำจากบึงบอระเพ็ดเข้าสู่สระน้ำของเขตห้ามล่าสัตว์ป่าบึงบอระเพ็ด เพื่อกักเก็บน้ำดิบสำหรับผลิตประปาหมู่บ้านและรักษาระบบนิเวศ โดยจะสูบน้ำวันละ 36,000 ลูกบาศก์เมตร เป็นเวลา 10-12 วัน เพื่อให้เพียงพอต่อความต้องการของประชาชนและสัตว์ป่า

น้ำท่วมฉับพลันในภาคเหนือ

ในอำเภอแจ้ห่ม จังหวัดลำปาง ฝนตกหนักติดต่อกันหลายวัน ทำให้น้ำป่าจากอุทยานแห่งชาติถ้ำผาไทไหลหลากท่วมบ้านเรือนในหมู่บ้านกลุ่มชาวไทยภูเขาหลายสิบหลัง แม้ไม่มีความเสียหายมากนัก แต่ก็ทำให้ถนนและสะพานเบลีย์ที่ใช้งานมานานชำรุดเสียหาย จำเป็นต้องได้รับการซ่อมแซมโดยเร็ว เพื่อป้องกันอันตรายที่อาจเกิดขึ้นในช่วงฤดูฝน

บทสรุป

ภัยแล้งและน้ำท่วมที่เกิดขึ้นพร้อมกันในหลายพื้นที่ของประเทศไทย สะท้อนถึงความท้าทายของการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำและการรับมือกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ หน่วยงานที่เกี่ยวข้องควรเร่งให้ความช่วยเหลือประชาชนที่ได้รับผลกระทบ พร้อมทั้งวางแผนการจัดการน้ำในระยะยาว เพื่อลดความเสี่ยงและรับมือกับภัยธรรมชาติที่อาจทวีความรุนแรงมากขึ้นในอนาคต