เมืองไทยประกันชีวิต กำไรทะลุ7พันล้าน มั่นใจฐานะการเงินแกร่งปีนี้โต10%
เมืองไทยประกันชีวิต กำไรทะลุ 7,000 ล้าน มั่นใจฐานะการเงินแกร่งปีนี้โตต่อ 10% ระบุ ต้องการให้กับคนไทยสบายใจ และที่ผ่านมามีการดูแลเต็มที่
วันที่ 31 ม.ค.2565 นายสาระ ล่ำซำ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เมืองไทยประกันชีวิต จำกัด(มหาชน) เปิดเผยว่า ภาพรวมธุรกิจประกันชีวิตในปี 2565 เชื่อว่าจะเติบโตได้ต่อเนื่องจากปี 2564 ที่คาดว่าจะเติบโตประมาณ 2.8% หลังจาก 11 เดือนแรกปีที่แล้วมีการเติบโตด้านเบี้ยประกันรับรวม 2.6% โดยเฉพาะธุรกิจประกันชีวิต ที่ให้ความคุ้มครองด้านสุขภาพจะยังเป็นตัวชูโรงทำให้ธุรกิจประกันโดยภาพรวมยังเติบโตได้
นายสาระ กล่าวต่อว่า ส่วนแผนการดำเนินงานบริษัทปีนี้ตั้งเป้าเบี้ยประกันชีวิตรับใหม่เติบโตที่ 10% โดยเฉพาะผลิตภัณฑ์ประกันชีวิตประเภทสัญญาเพิ่มเติมการประกันสุขภาพและโรคร้ายแรง ตั้งเป้าเติบโต 10% แบบประกันชีวิตควบการลงทุน หรือ ยูนิตลิงก์ เติบโต 40-50% ประกันประเภทคุ้มครองชีวิตเติบโต 7-10% และประกันแบบออมทรัพย์ เติบโต 5-7% ขณะที่เป้าหมายการผ่านช่องทางตัวแทนเติบโต 20% ขายผ่านธนาคารเติบโต 5% และ ช่องทางออนไลน์เติบโต 100%
นายสาระ กล่าวอีกว่า ส่วนผลการดำเนินงานในปี 2564 บริษัทจะมีกำไรสุทธิมากกว่าปี 2563 ที่มีกำไรสุทธิกว่า 7,000 ล้านบาท โดยมีสินทรัพย์รวม 6 แสนล้านบาท และมีอัตราส่วนความเพียงพอของเงินกองทุนถึง 300% ซึ่งปีที่ผ่านมาบริษัทมีการเติบโตของมีเบี้ยประกันภัยรับใหม่ที่ 10% หรือเกือบ 24,000 ล้านบาท โดยประกันสุขภาพและโรคร้ายแรงมีการเติบโตที่ 31% ในขณะที่สัดส่วนการขายประกันชีวิตประเภทคุ้มครองชีวิตและประกันชีวิตควบการลงทุนอยู่ที่ 77% ขณะที่มีอัตราการเติบโตของเบี้ยประกันภัยรับใหม่ของผลิตภัณฑ์ประกันชีวิตควบการลงทุน หรือยูนิตลิงก์อยู่ที่ 1,116%
ส่วนผลการดำเนินงานในต่างประเทศ ที่ผ่านมาบริษัทได้มีการลงทุนใน บริษัท Sovannaphum Life Assurance ประเทศกัมพูชา มีอัตราการเติบโตของเบี้ยประกันภัยรับปีแรก อยู่ที่ 30% บริษัท Dara Insurance ประเทศกัมพูชา ในส่วนของเบี้ยรับรวมเติบโต 18% บริษัท ST-Muang Thai Insurance ประเทศลาว มีอัตราการเติบโตของเบี้ยรับประกันภัยปีแรกอยู่ที่ 65% บริษัท MB Ageas Life ประเทศเวียตนาม มีอัตราการเติบโตของเบี้ยประกันชีวิตรับใหม่อยู่ที่ 35% และมีเบี้ยรับรวมในส่วนของช่องทางตัวแทนเติบโต 116%
นายสาระ กล่าวถึงกรณีธุรกิจประกันภัยที่ประสบปัญหาอยู่ในขณะนี้ เชื่อว่าจะไม่ลดทอนความเขื่อมั่นผู้บริโภค เนื่องจากมั่นใจว่าคนไทยมีความเข้าใจธุรกิจประกันชีวิตมากขึ้น และมีหลายหน่วยงานสร้างความรู้ในด้านการพิจารณาถึงความมั่นคงของบริษัทประกัน ประกอบกับประกันทุกบริษัทต้องรายงานข้อมูลด้านความมั่นคงทางการเงินให้กับ สำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (คปภ.) เป็นประจำทุกเดือนและรายไตรมาสอยู่แล้ว
นายสาระ กล่าวว่า ซึ่งในส่วนของธุรกิจประกันชีวิตในปัจจุบันยังมีความแข็งแกร่ง ส่วนความคุ้มครองทางด้านสุขภาพบริษัทประกันชีวิตก็ดำเนินธุรกิจมายาวนานแล้ว ดังนั้นต้องการให้กับคนไทยสบายใจ และที่ผ่านมามีการดูแลเต็มที่
"ที่ผ่านมา สมาคมประกันชีวิตไทย รวมถึงบริษัทประกันหลายรายก็ออกมายืนยันโดยให้ความมั่นใจว่า หากผู้เอาประกันได้ซื้อประกันชีวิตที่มีความคุ้มครองด้านสุขภาพ ก็ให้ความคุ้มครองตามที่สัญญากรมธรรม์ได้กำหนดไว้ ซึ่งในปี 2564 ยอมรับว่ามีผู้เคลมประกันโควิดในส่วนของธุรกิจประกันชีวิตค่อนข้างมากเมื่อเทียบกับปี 2563 เนื่องจากปีที่ผ่านมามียอดผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นจำนวนมาก และผู้เอาประกันหลายรายก็มีความคุ้มครองด้านประกันสุขภาพจากบริษัทประกันชีวิต แต่อย่างไรก็ดีบริษัทประกันโดยภาพรวมก็ยังรับมือได้" นายสาระ กล่าว