ชาวโพหัก เล่าย้อนอดีต ฉากหนังเรื่องแผลเก่า 'สรพงษ์ ชาตรี'
เมื่อวันที่ 15 มี.ค. หลังจากที่พระเอกชื่อดังอย่างสรพงศ์ ชาตรี ได้เสียชีวิตลงไปเมื่อวันที่ 10 มีนาคมที่ผ่านมา สร้างความโศกเศร้าให้กับวงการบันเทิงอีกครั้ง หลายคนยังคงรำลึกนึกถึงการแสดงเก่า ๆ ของพระเอกชื่อดังที่มีอยู่หลายเรื่อง เช่น การแสดงภาพยนตร์เรื่องแผลเก่า ในอดีตเมื่อประมาณปี พ.ศ. 2548 ซึ่งแสดงโดย สรพงศ์ ชาตรี รับบทเป็นไอ้ขวัญ และนันทนา เงากระจ่าง รับบทเป็น อีเรียม กำกับการสร้างโดย เชิด ทรงศรี
ซึ่งได้มีการจำลองฉากการแสดงอยู่บริเวณหลังบ้านของนายสมาน เพิกจินดา อายุ 68 ปี และนางพะเยาว์ เพิกจินดา อายุ 66 ปี สองสามีภรรยา อยู่บ้านเลขที่ 156 หมู่ 3 ต.โพหัก อ.บางแพ จ.ราชบุรี มีการยกกองถ่ายทำมาพักค้างที่บ้านเรือนทรงไทยของชาวบ้านในสมัยนั้นนับเดือน ซึ่งส่วนใหญ่จะมีสภาพพื้นที่เป็นบ้านทรงไทยโบราณ มีลำคลองน้ำใสไหลผ่านทอดยาว ชาวบ้านทำมาหากินอยู่กับสายน้ำ ซึ่งถือเป็นวิถีชีวิตแบบดั้งเดิม สมัยนั้นก็จะใช้ควายไถนา การทำการเกษตร แต่ปัจจุบันนี้แทบไม่หลงเหลือให้เห็นแล้ว เพราะได้มีการปรับปรุงพื้นที่ทำนากุ้งบริเวณหลังบ้าน ที่อยู่ติดริมคลองซึ่งเป็นจุดการแสดงภาพยนตร์ มีการปลูกสร้างบ้านเรือนเพิ่มขึ้น
นายสมาน เพิกจินดา หรือ นายจั๊บ เจ้าของบ้าน เล่าว่า ตอนที่สรพงศ์ ชาตรีแสดงฉากขี่ควายเรื่องแผลเก่าจะอยู่ที่นี่ เดิมเป็นพื้นที่ลานกว้าง มีการนวดข้าวในสมัยนั้น แต่ปัจจุบันเปลี่ยนมาทำนากุ้งแล้ว ส่วนคลองโพหักจะอยู่บริเวณทิวไผ่ อยู่ติดกับนากุ้ง ส่วนตัวเองสมัยนั้นรับจ้างสร้างฉากการแสดงหนัง สร้างฉากเป็นต้นไทรจำลอง ทำฉากด้วยปูนปลาสเตอร์ จากนั้นได้ไปหากิ่งไทรมาตกแต่งประกอบฉาก มีโอกาสได้เจอสรพงศ์ ชาตรี ตอนที่มาถ่ายทำการแสดง เช่น ฉากขี่ควาย ฉากสาบานเจ้าพ่อไทร ฉากถูกยิง ฉากจมน้ำ มาแสดงนับสิบครั้ง
หลังจากที่สรพงศ์ ชาตรี เสียชีวิตแล้ว รู้สึกเสียใจและเสียดายคนดีที่ต้องมาจากไป สมัยก่อนที่มาถ่ายทำ มีช่วงหนึ่งที่สรพงศ์ ได้วางขลุ่ยไว้และหาขลุ่ยไม่เจอ เขาบอกว่าให้ตนเองเหยียบบ่าเพื่อไปหาขลุ่ยในง่ามต้นไทรให้ จึงได้บอกกลับไปว่าให้สรพงศ์เป็นผู้เหยียบบ่าตนเองไปหาขลุ่ยน่าจะดีกว่า เป็นความลึกซึ้งใจมากกับความทรงจำที่ดี สมัยที่มีการแสดงหนังมีชาวบ้านจำนวนมากแห่มาดูการถ่ายทำเต็มลานบ้านไปหมด
มีอยู่ช่วงหนึ่งตนเองได้แนะนำการถ่ายทำหนังช่วงถ่ายทำช่วงนั้น มีน้ำขึ้นเยอะ ทำให้พื้นที่จุดทำต้นไทรถูกน้ำท่วมหมด เห็นเพียงต้นไทรโผล่กลางน้ำต้นเดียว จึงได้แนะนำกับอาจารย์ผู้จัดไปว่า ให้แก้ไขใช้ไม้ไผ่ทำเป็นตอม่อปักลงไปทำเป็นคานพาด
แล้วใช้ไม้ไผ่สับฟากลักษณะไขว้กันสองชั้น ทำให้แข็งแรงจะไม่แยกกัน พอพระเอก นางเอกเหยียบขี้โคลนก็ไม่เห็นฟากที่ทำไว้ด้านล่าง นอกจากนี้ยังมีช่วงหนึ่งที่ขลุ่ยของสรพงศ์หาย ทำให้อาจารย์เชิด ทรงศรี พูดว่า “ไอ้ขวัญมึงไม่มีขลุ่ยแล้วจะเอาอะไรเป่า” ตนเองกำลังพายเรืออยู่ จึงบอกไปว่า ให้ใช้ด้ามพายของเรือ ตัดเอามาทำขลุ่ยได้ ใช้สีดำทาก็เหมือนขลุ่ยจริงๆ แล้วก็ทำท่าเป่าขลุ่ยแสดงหนังต่อไปได้ในวันนั้น ทำให้อาจารย์เชิด ทรงศรี บอกว่า คิดช่วยเหลือได้อีกครั้งของการแสดงหนังแผลเก่าในช่วงนั้น โดยที่บ้านได้มีการเก็บภาพโปสเตอร์การแสดงหนังเรื่องแผลเก่าใส่กรอบไว้เป็นที่ระลึก แม้ สรพงศ์ ชาตรี จะจากไปแล้ว แต่ก็ยังคงเหลือความทรงจำที่ดีเอาไว้ไม่มีวันลืม