รีเซต

รองอธิบดีดีเอสไอ รับคดี ทุจริตชุมนุมสหกรณ์ชาวสวนปาล์มน้ำมันกระบี่ เสนอคณะกก.คดีพิเศษ

รองอธิบดีดีเอสไอ รับคดี ทุจริตชุมนุมสหกรณ์ชาวสวนปาล์มน้ำมันกระบี่ เสนอคณะกก.คดีพิเศษ
มติชน
18 มกราคม 2565 ( 18:47 )
108
รองอธิบดีดีเอสไอ รับคดี ทุจริตชุมนุมสหกรณ์ชาวสวนปาล์มน้ำมันกระบี่ เสนอคณะกก.คดีพิเศษ

ข่าววันนี้ 18 มกราคม 2565 เวลา 16.30น.  พ.ต.ต.ยุทธนา  แพรดำ รองอธิบดีกรมสอบสวน คดีพิเศษ กำกับดูแลกองปฏิบัติการคดีพิเศษภาคและศูนย์ปฏิบัติการคดีพิเศษเขตพื้นที่ 8 พร้อมด้วยร้อยตำรวจเอกทินวุฒิ สีละพัฒน์และคณะ ได้ลงมาตรวจเยี่ยมศูนย์ปฏิบัติการคดีพิเศษเขตพื้นที่ 8 ในพื้นที่จังหวัดภูเก็ต โดยได้รับมอบหมายจากนายไตรยฤทธิ์ เตมหิวงศ์ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ

 

ให้มาติดตามผลความคืบหน้าและ พบปะประชาชน ผู้เสียหาย จากกรณีที่กรมสอบสวนคดีพิเศษได้รับเรื่องเกี่ยวกับปัญหาของชุมนุมสหกรณ์ชาวสวนปาล์มน้ำมันกระบี่ จำกัด จากประชาชนและผู้แทนของผู้เสียหายซึ่งเป็นสมาชิกของชุมนุมสหกรณ์ชาวสวนปาล์มน้ำมันกระบี่จำกัด โดยมี นายสมชาย เทพจิตร ประธานชุมนุมสหกรณ์ชาวสวนปาล์มน้ำมันกระบี่จำกัด และสมาชิกฯ มอบช่อดอกไม้และเสนอปัญหาแก่รองอธิบดีDSI ณ ห้องประชุม โรงแรมภูเก็ตเมอร์ลิน จังหวัดภูเก็ต

 

พันตำรวจตรี ยุทธนา กล่าวว่า เรื่องนี้สืบเนื่องจากกรรมาธิการสภาผู้แทนราษฎร ได้ส่งเรื่องไปที่กระทรวงยุติธรรม ให้ตรวจสอบการทุจริตชุมนุมสหกรณ์สวนปาล์มน้ำมันกระบี่จำกัด โดยเรื่องดังกล่าวรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ได้มารับทราบสภาพปัญหาจากสมาชิกสหกรณ์ฯ ที่ได้รับความเดือดร้อนด้วยตนเองเมื่อเดือนพ.ย.64 และมอบหมายให้กรมสอบสวนคดีพิเศษรับเรื่องไว้ทำการสืบสวนเพื่อพิจารณาดำเนินการ แต่ กรมสอบสวนคดีพิเศษต้องสอบสวนข้อมูลเบื้องต้นก่อนจะต้องดูว่าเข้าลักษณะเป็นคดีพิเศษอย่างไร ต้องใช้เวลาในการสืบสวน

 

 

ทางอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ ผู้บริหารระดับกระทรวงให้ความสำคัญโดยเฉพาะเรื่องที่ประชาชนได้รับความเดือดร้อนเป็นจำนวนมาก เมื่อสหกรณ์ฯขาดสภาพคล่องหรือมีการทุจริตจะส่งผลทำให้ผู้ที่ทำงานตกงานไม่มีงานทำได้รับผลกระทบในวงกว้างเป็นจำนวนมาก เท่าที่รับรายงานการสืบสวนพบมีข้อสังเกตพิรุธบางประการที่จำเป็นต้องสืบสวนให้ได้ความกระจ่าง

 

” ขณะนี้คณะพนักงานสืบสวนได้รวบรวมเร่งแสวงหาพยานหลักฐานไปมากแล้ว และจะหาพยานหลักฐานในเชิงลึกว่าในการทุจริตตรงนี้มีใครได้ประโยชน์อย่างไร ผู้บริหารในชุดก่อนๆมีการเอื้อประโยชน์ให้กับใคร ประเด็นสำคัญที่จะเอาผิดได้ เพราะว่ากรรมการผู้บริหารสหกรณ์ถือว่าเป็นผู้มีหน้าที่รักษาทรัพย์ ของสมาชิกสหกรณ์ วิธีการที่เขาทุจริตคือมีอำนาจบริหารและใช้เงินคนอื่นมีผลประโยชน์ทับซ้อน ต้องพิสูจน์ว่าเขาได้ประโยชน์อย่างไรหรือเอื้อประโยชน์ให้พวกพ้อง ถ้าทางสหกรณ์ฯมีเบาะแสขอให้แจ้งข้อมูลมาเพื่อทำการสืบสวนได้เร็ว เราจะเต็มที่ในเรื่องคดี ให้ความมั่นใจ ไม่ต้องห่วง ส่วนเรื่องคนตกงานจะประสานช่วยเหลือกับส่วนราชการอื่นที่เกี่ยวข้อง

 

เชื่อว่าคดีนี้จะสามารถนำเสนอคณะกรรมการคดีพิเศษเพื่อพิจารณา เพราะว่าในความผิดเบื้องต้นที่ตรวจสอบจะไม่ใช่ความผิดตามบัญชีท้ายพระราชบัญญัติที่สามารถทำการสืบสวนเป็นคดีพิเศษโดยอัตโนมัติได้จะต้องอาศัยอำนาจคณะกรรมการคดีพิเศษที่จะมีมติด้วยคะแนนเสียงไม่น้อยกว่า2ใน3เพื่อให้ผ่านโดยจะเร่งให้คณะกรรมการคดีพิเศษพิจารณา

 

 

ขอยืนยันว่า กรมสอบสวนคดีพิเศษและผู้บังคับบัญชาในระดับกระทรวงฯ ได้ให้ความสำคัญกับเรื่องทุจริตในสหกรณ์ประเภทต่างๆ ที่ประชาชนได้รับความเดือดร้อนเสียหายเป็นวงกว้างซึ่งได้ดำเนินการอย่างเร่งด่วน เพื่อให้เกิดความกระจ่างชัดว่าในสหกรณ์ฯ มีการแสวงหาผลประโยชน์อย่างไร เกิดความเสียหายมากน้อยเพียงใด โดยจะให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย คาดว่า อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษจะเสนอเรื่องต่อที่ประชุมคณะกรรมการคดีพิเศษ เพื่อพิจารณาโดยเร็ว” พันตำรวจตรี ยุทธนา กล่าว

 

ทางด้าน นายสมชาย เทพจิตร ประธานชุมนุมสหกรณ์ชาวสวนปาล์มน้ำมันกระบี่จำกัด กล่าวว่า หลังจากเข้ามารับตำแหน่งทำให้ทราบว่าสหกรณ์ฯมีภาวะขาดทุนอย่างหนัก มีหนี้สินเยอะ ได้เสนอสภาพปัญหาให้กับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมรับทราบ สิ่งที่เกิดปัญหาของสหกรณ์ฯเกิดภาวะขาดทุน คนตกงานกว่า 300คน ไม่มีค่าจ้าง เกิดปัญหามากมายตามมา ซึ่งเมื่อมาดำรงตำแหน่งพยายามขับเคลื่อนให้ทิศทางดีขึ้น ส่วนคดีที่เกิดขึ้นขอให้รองอธิบดี DSIช่วยดำเนินการด้วย

 

ทางด้าน นายโชคชัย พลายด้วง ตัวแทนพนักงานชุมนุมสหกรณ์ฯ กล่าวว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นการบริหารงานของคณะกรรมการเดิมที่เป็นทุจริตเชิงนโยบาย มีการทำเป็นกระบวนการอาศัยมติที่ประชุมยกมือ และ เหตุที่เกิดขึ้นเป็นเรื่องจริง สมาชิกสหกรณ์ฯมีจำนวนกว่า 30,000ครัวเรือน เกิดผลกระทบเป็นลูกโซ่ พนักงานถูกทิ้ง ไม่มีที่พึ่ง ไม่รู้ว่าจะถูกปองร้ายจากคู่กรณีด้วยหรือไม่ เราต้องสู้ เพราะว่า ที่ผ่านมา ผู้บริหารวางตัวเป็นผู้มีอิทธิพล พนักงานคนใดที่ปีกกล้าขาแข็งจะโดนกลั่นแกล้ง จึงไม่มีใครกล้าแต่ เมื่อถูกทุบหม้อข้าวแล้ว จึงตั้งใจว่าทุกคนต้องสู้เพื่อตัวเองและเพื่อนร่วมงานอีกกว่า300คน เงินสะสมของพนักงานยามเกษียณ 63ล้านบาทถูกเอาไปใช้หมด ไม่มีใครกล้าโต้แย้ง เพราะกลัวอิทธิพลของผู้บริหารและพร้อมให้ข้อมูลแก่DSI

ข่าวที่เกี่ยวข้อง