โควิดสายพันธุ์ย่อยของ"โอมิครอน" กว่า 300 สายพันธุ์ กระจายอยู่ทั่วโลก
WHO ระบุว่า มีสายพันธุ์ย่อยของ "โอมิครอน" มากกว่า 300 สายพันธุ์ กระจายอยูู่ทั่วโลก ส่วนใหญ่ร้อยละ 76 คือสายพันธุ์ย่อย BA.5
คณะกรรมการฉุกเฉินขององค์การอนามัยโลก (WHO) ระบุเมื่อวานนี้ (19 ต.ค.) ว่า มีสายพันธุ์ย่อยของ "โอมิครอน" มากกว่า 300 สายพันธุ์ กระจายอยูู่ทั่วโลก ส่วนใหญ่ร้อยละ 76 คือสายพันธุ์ย่อย BA.5
ก่อนหน้านั้นในวันเดียวกัน คณะกรรมการฉุกเฉินของ WHO ดังกล่าว ได้ตัดสินใจยังไม่ยกเลิกการประกาศให้โควิด-19 เป็นสถานการณ์ฉุกเฉินสาธารณสุขโลก หลังการประชุมที่เริ่มตั้งแต่สัปดาห์ที่แล้วที่สำนักงานใหญ่ WHO ที่นครเจนีวา ทั้งนี้ WHO ได้ประกาศให้โควิด-19 เป็นสถานการณ์ฉุกเฉินสาธารณสุขโลกมานานเกือบ 3 ปีแล้วตั้งแต่วันที่ 30 มกราคมปี 2020 เป็นต้นมา
โดยให้เหตุผลว่า แม้ว่าในบางพื้นที่ในโลกจะรู้สึกว่า การระบาดของโควิด-19 ได้จบลงแล้วก็ตาม แต่ความจริงแล้ว การระบาดของโควิด-19 ยังคงถือเป็นภัยด้านสาธารณสุข ที่ยังคงส่งผลกระทบในทางลบอย่างหนักหน่วง ต่อสุขภาพของประชากรโลก
คณะกรรมการฉุกเฉินชี้ว่า
แม้ว่าจำนวนผู้เสียชีวิตจากโควิดรายสัปดาห์ในขณะนี้ จะลดต่ำลงเกือบถึงระดับต่ำสุดนับตั้งแต่โควิดระบาดเริ่มระบาดเป็นต้นมา แต่จำนวนผู้เสียชีวิตจากโควิดยังอยู่ในระดับสูง เมื่อเปรียบเทียบกับไวรัสในระบบทางเดินหายใจตัวอื่น ๆ และการพบโรคแทรกซ้อนที่เกิดจากโควิด และภาวะลองโควิดที่เกิดขึ้นหลังหายจากโควิดแล้ว ยังพบได้สูงมาก นับเป็นการเพิ่มภาระหนักให้แก่ระบบสาธารณสุข
นอกจากนี้ จนถึงขณะนี้นับตั้งแต่โควิดระบาดมาหลายปีแล้ว แต่เรายังคงไม่เข้าใจอย่างสมบูรณ์ชัดเจน เกี่ยวกับผลกระทบทั้งหมดที่เกิดขึ้นจากโควิด
คณะกรรมการฉุกเฉินของ WHO คาดว่า ไวรัสโควิด-19 จะยังคงพัฒนาเปลี่ยนแปลงตัวเองต่อไปอีกเรื่อย ๆ และเราไม่สามารถพยากรณ์ได้เลยว่า ลักษณะของโควิดกลายพันธุ์ที่จะพบได้อีกในอนาคตนั้น จะมีลักษณะทางพันธุกรรมอย่างไรบ้าง
ด้านดร. ทีโดรส อัดฮานอม กีบรีเยซุส ผู้อำนวย WHO กล่าวว่า แม้สถานการณ์โควิดทั่วโลกจะดีขึ้นอย่างชัดเจนนับตั้งแต่โควิดเริ่มระบาดเป็นต้นมา แต่การที่ไวรัสโควิดยังคงมีการเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา ทำให้ยังคงมีความเสี่ยงและความไม่แน่นอนอยู่มากมาย
ทั้งนี้ ข้อมูลจาก WHO ระบุว่า จำนวนผู้เสียชีวิตจากโควิด-19 ทั่วโลกในสัปดาห์ที่ 1 ของเดือนตุลาคมนี้ อยู่ที่ 9,000 คน ลดลงร้อยละ 10 จากสัปดาห์ก่อนหน้านั้น
ภาพจาก AFP / รอยเตอร์