นายกฯแจ้งที่ประชุมครม. อ้างไทยผงาดอันดับ 1 อาเซียน 3 ปีซ้อน ประเทศที่พัฒนาอย่างยั่งยืน
เมื่อเวลา 14.10 น. วันที่ 29 มิถุนายน ที่ทำเนียบรัฐบาล นายอนุชา บูรพชัยศรี โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงภายหลังการประชุมคณะรัมนตรี (ครม.) ว่า นายกฯแจ้งที่ประชุมทราบถึงการที่ไทยได้รับการจัดอันดับให้เป็นที่ 1 ในอาเซียน 3 ปีติดต่อกัน เรื่องประเทศมีการพัฒนาอย่างยั่นยืน และเป็นลำดับที่ 3 ในทวีปเอเชีย โดยการจัดอันดับได้นำหลายมิติมาพิจารณา เราได้คะแนนเฉลี่ยจาก 17 ข้อ รวม 74.19% ซึ่งคะแนนเฉลี่ยสูงกว่าค่าเฉลี่ยของภูมิภาคเอเชียตะวันออก และเอเชียใต้ ที่ 65.7 คะแนน โดยข้อที่เป็นประเด็นสำคัญๆที่นำมาพิจารณา เช่น เรื่องการขจัดความยากจน คุณภาพการศึกษาภายในประเทศ การจัดการน้ำและสุขาภิบาล อุตสหกรรมและนวัตรกรรมโครงสร้างสร้างพื้นฐาน การขจัดความหิวโหย การมีสุขภาพและความเป็นอยู่ที่ดี การลดความเหลื่มล้ำ ฯลฯ
นายอนุชา กล่าวอีกว่า เรื่องต่อมาที่นายกฯแจ้งให้ที่ประชุมทราบคือ สัปดาห์ที่ผ่านมานายกฯได้เชิญ 3 สถาบัน และ 1 สมาพันธ์มาร่วมหารือเพื่อช่วยเหลือ SME ไทย ประกอบด้วย สภาหอการค้าไทย สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย สมาคมธนาคารไทย และสมาพันธ์เอสเอ็มอีไทย โดยได้หารือกันถึงมาตราการช่วยเหลือ SME ลดภาระต้นทุน เพิ่มสภาคล่อง และเสริมรายได้ให้ SME สามารถประคับประคองธุรกิจให้ผ่านพ้นวิกฤติช่วงโควิด-19 นี้ไปได้ อย่างไรก็ตาม ช่วงที่ผ่านมารัฐบาลได้ออกมาตรการช่วยเหลือผู้ประกอบการเพื่อจะลดผลกระทบจากการแพร่ระาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 อย่างต่อเนื่อง เช่น เร่งรัดให้มีการใช้จ่ายภาครัฐ กระตุ้นให้มีการบริโภคภายในประเทศผ่านโครงการต่างๆ อาทิ โครงการเราชนะ คนละครึ่ง ม.33 เรารักกัน รวมไปถึงการเพิ่มวงเงินในบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ การจัดให้มีสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำผ่านพ.ร.บ.ซอร์ฟโลน การค้ำประกันเงินกู้ให้กลุ่มธุรกิจท่องเที่ยว การพักทรัพย์พักหนี้ การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน การกำหนดให้หน่วยงานของรัฐจัดซื้อจัดจ้างจาก SME ฯลฯ