หากมองโกลยึดครองยุโรป โลกอาจพัฒนาเร็วขึ้นอีก 200 ปี

โลกของเราอาจจะพัฒนาได้เร็วอีก 200 ปี หากมองโกเลีย ครองโลกได้สำเร็จ
ในปี 1242 กองทัพมองโกลรุรกรานยุโรปภาคตะวันออก เคลื่อนทัพเข้าไปถึงกรุงเวียนนาของออสเตรีย ซึ่งหากกรุงเวียนนาถูกกองทัพมองโกลยึดครองได้เมื่อไร ก็จะเป็นประตูเปิดทางให้กองทัพมองโลกยกทัพเข้าไปโจมตีไปจนถึงยุโรปตะวันตก และยุโรปใต้ ซึ่งจะทำให้ประเทศอย่างเยอรมนี ฝรั่งเศส อิตาลี สเปน อังกฤษ ต้องตกอยู่ในชะตากรรมเดียวกันอย่างไม่ต้องสงสัย ซึ่งประเทศเหล่านี้ ที่ในยุคนั้น ต้องบอกว่าเป็นประเทศที่ยากจน ไม่มีกองทัพที่แข็งแกร่งที่จะมาต่อต้านกองทัพมองโกลได้เลย ทำได้แค่เพียง สวดอ้อนวอนให้พระเจ้าคุ้มครองเท่านั้น
แล้วปาฏิหาริย์ก็เกิดขึ้น เมื่อกองทัพมองโกลที่ยกทัพมาประชิดประตูเมืองของกรุงเวียนนาแล้ว จู่ ๆก็ถอนกำลังออกไป แล้วเดินทัพกลับมองโกเลีย เนื่องจาก โอโกไตข่าน ผู้นำของมองโกเลียในตอนนั้น เสียชีวิตอย่างกะทันหัน ทำให้ต้องมีการประชุมเพื่อเลือกผู้นำคนใหม่ และเมื่อถอนกำลังออกไปแล้ว ด้วยการเมืองภายในที่เกิดขึ้นภายในกองทัพมองโกเลียเอง จึงทำให้มองโกลไม่ได้ยกทัพกลับมาบุกยุโรปอีก จึงทำให้ยุโรปรอดพ้นจากการถูกกองทัพมองโกลยึดครองได้อย่างปาฏิหาริย์
นักประวัติศาสตร์และนักวิชาการต่างตั้งคำถามว่า จะเกิดอะไรขึ้นในวันนั้น ถ้าหากกองทัพมองโกลเดินหน้าถล่มและยึดครองยุโรปได้ทั้งหมด ซึ่งเป็นที่น่าแปลกใจมาก ที่หลายคนคาดคะเนว่า หากมองโกลยึดครองยุโรปได้สำเร็จ จะทำให้โลกก้าวหน้าเร็วขึ้นกว่านี้หลายร้อยปี ตอนนี้ เราอาจจะนั่งรถบินได้ไปทำงาน หรือย้ายไปตั้งรกรากบนดาวอังคารแล้วก็ได้
สาเหตุที่การยึดครองยุโรปของมองโกเลีย จะทำให้โลกพัฒนาได้เร็วขึ้น เป็นเพราะในยุคนั้น ยุโรปยังคงเป็นภูมิภาคที่ล้าหลังมาก หากมองโกเลียยึดครองจะนำความรู้และเทคโนโลยีจากจีนและตะวันออกกลาง เข้าสู่ยุโรปในทันที จะทำให้ยุโรปเกิดความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีอย่างรวดเร็วและสิ่งสำคัญที่สุด หากมองโกเลียยึดครองยุโรปได้ จะไม่มีทางยอมให้ศาสนา ที่เป็นอุปสรรคต่อความก้าวหน้าทางวิทยาศาสตร์มีอำนาจมากเกินไป
ยุโรปในช่วศตวรรษที่ 5 ถึง 15 จัดว่าเป็นยุคมืด เป็นช่วงเวลาที่ทั่วทวีปยุโรปถูกปกครองด้วยอำนาจเด็ดขาดจากนครรัฐวาติกัน ศาสนาครอบงำการใช้ชีวิตของประชาชนที่มุ่งเน้นเรื่องศรัทธาต่อพระเจ้า กลุ่มคนที่มีแนวความคิดเสรี หรือใช้หลักเหตุและผลในการดำเนินชีวิต อย่างนักปรัชญาหรือนักวิทยาศาสตร์ จะถูกกล่าวหาว่าเป็นพวกนอกศาสนาในทันที ทำให้ช่วงเวลานี้ ความก้าวหน้าทางวิทยาศาสตร์ในยุโรปต้องตกอยู่ในขั้นเป็นอัมพาต ก่อนที่จะถึงยุค Renaissance หรือยุคฟื้นฟูศิลปะวิทยาการ ในช่วงปี 1400 ที่ยุโรปเริ่มหลุดพ้นจากการครอบงำทางศาสนา ทำให้ยุโรปเจริญรุ่งเรืองได้อย่างรวดเร็ว ทั้งจากการค้า ความเจริญด้านงานศิลปะ ความก้าวหน้าทางวิชาการ การค้นพบทางวิทยาศาสตร์ ที่กลายเป็นรากฐานความเจริญจนถึงทุกวันนี้ เช่น เทคโนโลยีการพิมพ์ การเดินเรือ การคำนวน การแพทย์ การศึกษา ระบบการเมืองการปกครอง แต่กว่าจะถึงยุคนี้ได้ ชาวยุโรปต้องทนอยู่กับยุคมืดนานกว่า 900 ปี
ดังนั้น ถ้าหากกองทัพมองโกล บุกและยึดครองยุโรปได้สำเร็จ ในปี 1242 จะทำให้อำนาจของศาสนาคริสต์ถูกทำลายลงในทันที เหล่านักปรัชญา นักวิชาการ นักวิทยาศาสตร์ในยุโรป ที่ต้องหลบซ่อนตัว สามารถออกมาทำงานค้นคว้า เผยแพร่ความรู้ได้อย่างเสรี โดยไม่ต้องหวาดกลัวว่าจะถูกกล่าวหาว่าเป็นพวกนอกศาสนา หรือเป็นแม่มด แล้วถูกจับไปทรมานหรือถูกจับไปเผา หรือจับถ่วงน้ำ แทนที่จะต้องรอให้ถึงปี 1400 ซึ่งจะเป็นการเร่งให้ยุคฟื้นฟูศิลปะวิทยาการให้มาเร็วขึ้นถึง 100-200 ปี ซึ่งจะทำให้โลกเจริญก้าวหน้าเร็วขึ้น
เทคโนโลยี ที่เรามีใช้ในทุกวันนี้ อย่างอินเทอร์เน็ต เอไอ รถยนต์ไฟฟ้า ดาวเทียม อาจจะมีใช้ตั้งแต่ปี 1800 และทุกวันนี้ เราอาจจะก้าวหน้าไปไกลอีก 200 ปี ถ้าหากว่ากองทัพมองโกลไม่ได้ถอยทัพออกจากรุงเวียนนาในวันนั้น
Tag
ยอดนิยมในตอนนี้
