คลัสเตอร์ ร.ร.สอนคนตาบอดเชียงใหม่ ครู-นักเรียน ติดเชื้อกว่า 10 ราย รพ.มหาราชฯ เร่งดูแล
คลัสเตอร์ ร.ร.สอนคนตาบอดเชียงใหม่ ครู-นักเรียน ติดเชื้อกว่า 10 ราย รพ.มหาราชฯ ระดมทีมแพทย์พยาบาล ติดตามใกล้ชิด ชี้โอกาสติดเชื้อค่อนข้างง่าย
วันที่ 29 ม.ค.65 ผศ.นพ.นเรนทร์ โชติรสนิรมิต ผู้อำนวยการโรงพยาบาลมหาราชนครเชียงใหม่ เปิดเผยว่า โรงพยาบาลมหาราชฯ ได้รับแจ้งจากทางสาธารณสุขจังหวัดเชียงใหม่ ว่าพบเด็กในความดูแลของโรงเรียนสอนคนตาบอดภาคเหนือ (เชียงใหม่) มีผลตรวจ ATK เป็นบวก โดยเป็นการตรวจหลังจากวันที่ 26 ม.ค.65 ที่ผ่านมา ซึ่งพบว่าเด็กมีอาการไข้ หนาว ปวดศีรษะ 2 ราย
หลังรับแจ้ง ทางทีมศูนย์สร้างเสริมสุขภาพของโรงพยาบาลมหาราชฯ จึงส่งทีมแพทย์ พยาบาล และบุคลากรทางการแพทย์ ลงพื้นที่ทันที ในช่วงเย็นของวันที่ 28 ม.ค.65 เพื่อติดตามดูแลควบคุมสถานการณ์อย่างใกล้ชิด
เบื้องต้นได้แยกเด็ก 2 รายที่มีผลตรวจ ATK เป็นบวกดังกล่าว ออกไปกักตัวในห้องที่เตรียมไว้ และได้ทำการรักษาในระบบ Home Isolation คือการกักตัวที่บ้านโดยใช้พื้นที่ของโรงเรียน ซึ่งโดยปกติโรงเรียนสอนคนตาบอดแห่งนี้เป็นโรงเรียนประจำ (กินนอน) อยู่แล้ว ดังนั้นจึงค่อนข้างสะดวกในการจัดการรักษาแบบแยกกักตัว (Home Isolation) เพื่อควบคุมการระบาดของเชื้อได้ง่าย
ล่าสุดจากการตรวจคัดกรองเพิ่มเติม ในส่วนของกลุ่มสัมผัสเสี่ยงในพื้นที่โรงเรียน เมื่อวันที่ 28 ม.ค. พบว่ามีเด็ก (พิการตาบอด) ที่อยู่ในโรงเรียนประจำนี้ มีผลตรวจเป็นบวกอีก จำนวน 10 ราย ครูผู้สอน 1 ราย ครูพี่เลี้ยง 1 ราย รวมทั้งสิ้น 12 ราย
"โดยพื้นฐานการดำเนินชีวิตประจำวันแล้ว ผู้ที่ตาบอดต้องอาศัยการใช้มือลูบคลำสัมผัสสิ่งต่างๆ มากกว่าคนปกติ ทำให้มีการสัมผัสพื้นผิวบ่อย จึงมีโอกาสติดเชื้อค่อนข้างง่าย เมื่อมีผู้ติดเชื้อจำนวนมากในลักษณะนี้จึงมีความจำเป็นอย่างยิ่งที่ทางโรงพยาบาลมหาราชฯ ต้องรีบลงพื้นที่ เพื่อดูแลผู้ป่วยเป็นกรณีพิเศษ เพราะผู้ป่วยเหล่านี้ส่วนใหญ่มีปัญหาเรื่องการมองเห็น โดยจากการประสานงานกับทางผู้อำนวยการโรงเรียนสอนคนตาบอดในแนวทางการดำเนินการการควบคุมโรค ล่าสุดทางผู้อำนวยการโรงเรียนสอนคนตาบอดภาคเหนือจึงได้ทำการปิดทำการโรงเรียนไปก่อนในเบื้องต้น"
ผู้อำนวยการโรงพยาบาลมหาราชนครเชียงใหม่ เปิดเผยต่อไปว่า สำหรับนักเรียนที่นอนอยู่ในโรงเรียน ได้ทำการแยกผู้ที่ป่วยและไม่ป่วยออกจากกัน ทีมโรงพยาบาลมหาราชฯ ได้เข้าไปสำรวจพื้นที่ มีเจ้าหน้าที่เข้าไปให้คำแนะนำ และมีพยาบาลที่ชำนาญด้านการติดเชื้อ ช่วยดูแลเรื่องแนวทางการดูแลผู้ป่วยอย่างใกล้ชิด
ขณะนี้ถือว่าเด็กนักเรียนที่ติดเชื้อยังมีอาการไม่มาก จึงตัดสินใจให้การดูแลในลักษณะคล้ายกับเป็นการดูแลรักษาภายในโรงเรียน โดยใช้ระบบการติดตามดูแลแบบแพทย์ทางไกล ในการที่จะประสานงาน เข้าไปยังพี่เลี้ยงและครู ผู้ดูแลเด็กๆ มีการให้คำปรึกษาต่างๆ มีการติดตามดูแลอาการ อาทิ การวัดไข้ วัดปริมาณออกซิเจนในเลือด เพื่อส่งข้อมูลกลับเข้ามาในระบบ รวมถึงการประสานงานกับกุมารแพทย์ในการให้การดูแลแบบแพทย์ทางไกล เพื่อที่จะประเมินและดูแลผู้ป่วยเป็นระยะๆ ทุกวัน ตลอดระยะเวลาของการดูแลผู้ป่วยแต่ละรายซึ่งจะใช้เวลาประมาณ 10 วัน
สำหรับแนวทางการสืบค้นหาผู้ที่มีการติดเชื้อเพิ่มเติม โรงพยาบาลมหาราชฯ ได้ประสานงานไปยัง สำนักงานควบคุมโรคเขต 1 จังหวัดเชียงใหม่ ซึ่งจะได้ลงพื้นที่ในการช่วยทำการเก็บตัวอย่างเชื้อโดยเก็บจากโพรงจมูก แล้วส่งเพื่อตรวจหาผู้ติดเชื้อเพิ่มเติม
หากพบผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้น ก็จะทำการย้ายผู้ติดเชื้อเหล่านั้นให้อยู่ในที่พักที่เดียวกัน โดยมีพี่เลี้ยง และทีมพยาบาลในพื้นที่คอยดูแลผ่านระบบทางไกลเช่นกัน
สำหรับผู้ที่ติดเชื้อและทำการตรวจและผลเป็นลบ จะทำการสังเกตอาการไว้อยู่ในห้องพักอีกแห่งหนึ่งโดยแยกจากกัน และติดตามตรวจเชื้อเป็นระยะ จนกว่าจะพบว่าพื้นที่นี้ปลอดภัย และทุกคนหายจากโรค โรงพยาบาลมหาราชฯ จึงจะถอนทีมงานออกมา
"อีกส่วนหนึ่งที่ รพ.มหาราชฯ ให้ความสำคัญเป็นอย่างมากคือการดูแลขยะติดเชื้อ ทางโรพยาบาลได้ส่งทีมงานบริการกลางเข้าไปดูแลในเรื่องขยะติดเชื้อ การดูแลเรื่องขยะ รวบรวมขยะ และนำขยะติดเชื้อเหล่านั้น มาทำลายตามระบบของโรงพยาบาลต่อไป
อย่างไรก็ตามในขณะนี้สถานการณ์ของคลัสเตอร์ดังกล่าว ยังอยู่ในช่วงที่เรากำลังเฝ้าระวังอย่างใกล้ชิด โรงพยาบาลมหาราชนครเชียงใหม่ มุ่งมั่นในการให้การดูแลอย่างเต็มที่ เนื่องจากผู้ป่วยตาบอดนั้นมีความเสี่ยงอย่างยิ่งในการติดเชื้อ และอาจจะมีเปอร์เซ็นต์ของการติดเชื้อได้ง่ายมาก
แต่เราก็มั่นใจว่าผู้ป่วยเหล่านี้อาการไม่น่าเป็นห่วงมากนัก เนื่องจากผู้ป่วยส่วนใหญ่ ได้รับวัคซีนตามแผนการให้วัคซีนของกระทรวงสาธารณสุข และมีทีมแพทย์ พยาบาลให้การดูแลอย่างใกล้ชิด เชื่อว่าจะทำให้สถานการณ์ผ่านพ้นไปด้วยดี" ผู้อำนวยการโรงพยาบาล