บุกบาร์เกย์กลางเมืองเชียงใหม่ลอบค้าประเวณีเด็กชายผ่านแม่เล้าสาวประเภทสอง

ชุดปฏิบัติการพิเศษกรมการปกครอง บุกบาร์เกย์กลางเมืองเชียงใหม่ลอบค้าประเวณีเด็กชาย รวบแม่เล้าสาวประเภทสอง ใช้สื่อโซเชียลทั้งไลน์ ทวิตเตอร์ โฆษณาเชียร์แขกใช้บริการ แจ้ง 6 ข้อหาหนัก พร้อมประสาน ปปง.ตรวจสอบเส้นทางการเงินที่ได้จากการค้ามนุษย์ และเสนอผู้ว่าฯสั่งปิดสถานบริการ
เมื่อวันที่ 21 ก.ค. ช่วงกลางดึก นายรณรงค์ ทิพย์ศิริ ผู้อำนวยการศูนย์ปฏิบัติการบังคับใช้กฎหมายพนักงานฝ่ายปกครอง นำกำลังชุดปฏิบัติการพิเศษกรมการปกครอง (ชปพ.ปค.) ศูนย์ปฏิบัติการบังคับใช้กฎหมายพนักงานฝ่ายปกครอง สํานักการสอบสวนและนิติการ กรมการปกครอง ชุดปฏิบัติการพิเศษฝ่ายปกครองจังหวัดเชียงใหม่ สนธิกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เมืองเชียงใหม่ บุกเข้าจับกุมสถานประกอบการลักลอบค้ามนุษย์ ชื่อร้าน Ann6999 นวดเชียงใหม่ ตั้งอยู่ในอาคารพาณิชย์สูง 5 ชั้น ย่านถนนช้างคลาน อำเภอเมืองเชียงใหม่ จังหวัดเชียงใหม่
โดยขณะเข้าจับกุม ตรวจพบสาวประเภทสองอายุ 56 ปี เป็นผู้จัดการและเป็นหุ้นส่วนของร้าน รวมทั้งเป็นคนเชียร์แขก ส่วนภายในร้านพบห้องให้บริการนวดแอบแฝงค้าบริการทางเพศ โดยใช้ห้องคาราโอเกะ VIP บริเวณชั้น 2 และชั้น 3 เป็นห้องร่วมประเวณี พนักงานฝ่ายปกครองพบผู้เสียหายเป็นเด็กชายสัญชาติไทยอายุ 17 ปี จำนวน 2 คนอยู่ในห้องร่วมประเวณีที่ชั้น 3 ของร้าน เมื่อสอบสวนพบว่า เยาวชนชายทั้งสองคนถูกล่อลวงมาค้าประเวณี จึงช่วยเหลือนำตัวออกมา พร้อมควบคุมตัวสาวประเภทสองมาสอบสวน ณ ที่ทำการปกครองจังหวัดเชียงใหม่
ทั้งนี้การเข้าปฏิบัติการช่วยเหลือเยาวชนที่ถูกล่อลวงมาค้าประเวณีครั้งนี้ สืบเนื่องจากมูลนิธิรณสิทธิ์ ได้เข้าร้องเรียนต่อศูนย์ดํารงธรรมกระทรวงมหาดไทย ว่ามีผู้แสวงหาประโยชน์โดยมิชอบลักลอบค้ามนุษย์ ด้วยการค้าประเวณีเด็กชาย อายุต่ำกว่า 18 ปี ในตัวเมืองเชียงใหม่ พนักงานฝ่ายปกครองจึงสืบสวนร่วมกับมูลนิธิรณสิทธิ์ กระทั่งพบข้อมูลผู้ใช้ทวิตเตอร์ ชื่อบัญชีว่า Ann 6999 นวดเชียงใหม่ มีการโพสต์ภาพโป๊เปลือยของเด็กวัยรุ่นชายขณะทำการนวดให้กับลูกค้า และทวิตเตอร์ กลุ่มชายแท้รับงานเชียงใหม่ ยังพบอีกว่าผู้ใช้ชื่อบัญชี Ann 6999 ประกาศเชิญชวนชายแท้เข้ามาทำงานร่วมเป็นเด็กในสังกัด โดยมีการแสดงความคิดเห็นกับทวิตของเด็กๆ วัยรุ่นที่สนใจจะเข้ามาร่วมทำงานด้วยเป็นจำนวนมาก
นอกจากนี้ยังพบภาพพนักงานชายในร้านดังกล่าว ซึ่งคาดว่าเป็นเยาวชนอายุไม่ถึง 18 ปี และบทสนทนาสอบถามราคาค่าซื้อขายบริการ ซึ่งมีทั้งประเภทที่ลูกค้าเข้ามาใช้บริการนวดภายในร้าน และนำชายบริการไปส่งให้กับลูกค้าตามห้องโรงแรมต่างๆ ในตัวเมืองเชียงใหม่ เจ้าหน้าที่จึงส่งสายลับติดต่อผ่านโปรแกรมไลน์ เพื่อล่อชื้อบริการทางเพศชายบริการ ซึ่งคาดว่ามีอายุต่ำกว่า 18 ปี ที่ได้คัดเลือกหน้าตามาจากโปรแกรมทวิตเตอร์ ที่ใช้ชื่อว่า Ann6999 นวดเชียงใหม่ และพบว่ามีการส่งภาพพนักงานชายมาให้สายลับได้คัดเลือกผ่านทางโปรแกรมไลน์เพิ่มเติม ซึ่งบางภาพเป็นภาพโป๊เปลือย มีการเสนอขายบริการทางเพศ และบอกกล่าวกับสายลับว่าไม่ต้องพกถุงยางอนามัยมา เพราะที่ร้านมีเตรียมไว้ให้แล้ว จากนั้นได้นัดแนะสายลับให้มาใช้บริการทางเพศที่ร้าน Anne6999 นวดเชียงใหม่ จนพบกับสาวประเภทสองที่เป็นหุ้นส่วนและเชียร์แขก รวมทั้งพบชายบริการ จำนวน 2 คน ซึ่งตรงกับรูปที่มีการเสนอขายบริการทางเพศผ่านโปรแกรมไลน์
ขณะที่การสืบสวนพบว่า นายชาติศิริ เมาแสง หรือนายแอน อายุ 56 ปี ซึ่งเป็นสาวประเภทสอง ทำหน้าที่เป็นผู้จัดการดูแลภายในร้านและเชียร์แขก ได้โฆษณาขายบริการทางเพศชายไลน์ และทวิตเตอร์ ซึ่งในจำนวนนี้มีเด็กชายอายุต่ำกว่า 18 ปีรวมอยู่ด้วย โดยทางร้านจะคิดค่าบริการ จำนวน 1,600 บาท และร้านจะหักเงินไว้จำนวน 600 บาท
นายรณรงค์ ทิพย์ศิริ ผู้อำนวยการศูนย์ปฏิบัติการบังคับใช้กฎหมายพนักงานฝ่ายปกครอง กล่าวว่า พนักงานฝ่ายปกครองได้แจ้งข้อกล่าวหากับนายชาติศิริ เมาแสง หรือแอน จำนวน 6 ข้อหา ได้แก่ ค้ามนุษย์เพื่อแสวงหาประโยชน์โดยมิชอบจากการค้าประเวณีเด็กชาย , เป็นธุระจัดหาให้มีการค้าประเวณีเด็กอายุต่ำกว่า 18 ปี , เป็นเจ้าของสถานการค้าประเวณี , ยุยงส่งเสริมให้เด็กประพฤติตนไม่สมควร , ครอบครองสื่อลามกเด็กเพื่อประโยชน์ในทางการค้า , นำเข้าซึ่งภาพอันลามกอนาจารในระบบคอมพิวเตอร์ที่ประชาชนทั่วไปอาจเข้าถึงได้ จากนั้นจะนำตัวผู้ถูกจับพร้อมของกลาง ส่งพนักงานสอบสวน สภ.เมืองเชียงใหม่ ดำเนินคดีตามกฏหมาย พร้อมประสานทีมสหวิชาชีพเข้าทำการคัดแยกผู้เสียหาย และขยายผลเพิ่มเติมไปยังกลุ่มผู้ซื้อบริการทางเพศจากสถานบริการแห่งนี้ รวมทั้งประสานกับสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) ตรวจสอบเส้นทางการเงินและยึดทรัพย์ผู้ที่เกี่ยวข้องกับการค้ามนุษย์ และเสนอผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่สั่งปิดสถานประกอบการแห่งนี้ต่อไป
ด้านนายรณสิทธิ์ พฤกษยาชีวะ ประธานมูลนิธิรณสิทธิ์เพื่อช่วยเหลือเหยื่อค้ามนุษย์ กล่าวว่า เยาวชนชายที่ช่วยเหลือมาให้ข้อมูลว่า สถานบริการแห่งนี้จะหักค่าหัวคิวในเลตราคาที่ไม่เท่ากัน บางครั้งค่าบริการ 3 พันบาท ก็จะได้ส่วนแบ่ง 1 พันบาท และค่าบริการ 2.5 พันบาท ก็จะได้ส่วนแบ่ง 500 บาท ส่วนที่ต้องมาขายบริการเพราะทางร้านชักชวนมาโดยอ้างว่า ให้มาเป็นพนักงานเสิร์ฟเท่านั้น แต่หลังมาทำงานก็ถูกรบเร้าจนไม่สามารถปฏิเสธได้ ขณะเดียวกันทางร้านยังอ้างด้วยว่า มีการจ่ายเงินให้กับหลายหน่วยงาน ทั้งตำรวจ ฝ่ายปกครอง ซึ่งจะได้สอบสวนหาข้อเท็จจริงเพิ่มเติมต่อไป