'ศุภชัย โพธิ์สุ' โต้ ปิยบุตร ดีลซ่อมถนน-ป้ายขอบคุณ ไม่ขัด รธน. แนะถ้ามีโอกาสเป็น ส.ส.จะเข้าใจ
เมื่อวันที่ 11 สิงหาคม 2563 นายศุภชัย โพธิ์สุ หรือครูแก้ว ส.ส.พรรคภูมิใจไทย เขต 1 นครพนม รองประธานสภาผู้แทนราษฎร คนที่ 2 เปิดเผยว่า กรณี นายปิยบุตร แสงกนกกุล แกนนำคณะก้าวหน้า ออกมาเปิดเผยข้อมูลตั้งข้อสังเกตุข้องใจ กรณีมีชาวบ้านอำเภอบ้านแพง ขึ้นป้ายขอบคุณตน กรณีมีการพัฒนาซ่อมแซมถนน ที่ชำรุด ถามว่าเข้าข่ายขัดกฎหมายรัฐธรรมนูญหรือไม่ โดยมองว่าตนมีส่วนในการผลักดันวิ่งเต้น ดึงงบประมาณลงพื้นที่ เข้าข่ายขัดกฎหมายรัฐธรรมนูญ ตนขอทำความเข้าใจว่า ป้ายดังกล่าวเป็นความคิดชาวบ้าน ตัวแทนชาวอำเภอบ้านแพง ไม่เกี่ยวข้องกับตน ส่วนที่มาเดิมก่อนนี้ถนนชำรุดมาหลายปี ชาวบ้านสัญจรไปมาเดือดร้อน จึงได้ประสาน หารือตนร่วมตรวจสอบหาทางแก้ไข ในฐานะ ส.ส.พื้นที่
ตนจึงได้ลงพื้นที่ร่วมกับชาวบ้าน และประสานหน่วยงานเกี่ยวข้อง มาดำเนินการแก้ไข ตามขั้นตอน ภายหลังทางแขวงทางหลวง ได้มาตรวจสอบตามหน้าที่ และจัดสรรงบประมาณมาซ่อมแซม ชาวบ้านจึงเข้าใจกันเองว่าตน เป็นคนผลักดันงบประมาณมาแก้ไข ทั้งที่ตนไม่ได้เกี่ยวข้อง ไม่เคยวิ่งเต้น สั่งการใคร เพียงแค่ประสานงาน ตามขั้นตอน และไม่ได้ไปกดดันขอเพิ่มเติมงบประมาณจากใคร แม้แต่รัฐมนตรีคมนาคมพรรคเดียวกัน แต่เป็นการประสานงานระหว่างหน่วยงานช่วยแก้ไขปัญหาตามข้อเรียกร้องชาวบ้าน จนมีการซ่อมแซมตามขั้นตอนของหน่วยงานที่รับผิดชอบ ส่วนชาวบ้านจะมาขึ้นป้ายขอบคุณ เป็นสิทธิของชาวบ้าน ไม่ได้สั่งการใคร
นายศุภชัย โพธิ์สุ กล่าวอีกว่า ตนอยากให้เข้าใจว่า ตนเป็น ส.ส.พื้นที่ เมื่อชาวบ้านเดือดร้อนจะละเลยไม่สนใจ ในการทำหน้าที่ ส.ส.ถามว่าชาวบ้านจะพึ่งใคร แต่ตนมั่นใจว่า การทำหน้าที่ผู้แทน ของตนไม่ขัดรัฐธรรมนูญ แน่นอน เป็นผู้แทนมาหลายสมัย ไม่ได้จบกฎหมายจากเมืองนอก แต่ตีความความออก เพราะการนำปัญหาความเดือดร้อน มาเสนอผ่านสภาผู้แทนราษฎร ไปยังหน่วยงาน ไม่ได้ไป วิ่งเต้นของบ แปรญัตติ เพื่อขอรับโครงการลงพื้นที่
ส่วนรัฐบาลจะจัดสรรงบลงพื้นที่ ตามความเหมาะสม มีกระบวนการขั้นตอนทางกฎหมายอยู่แล้ว เพื่อจัดสรรงบลงมาให้หน่วยงานเกี่ยวข้องดูแล ฝากคุณปิยบุตร ทำความเข้าใจใหม่ คงเข้าใจคลาดเคลื่อน ขอบคุณสำหรับ การตั้งข้อสังเกต แต่การจะออกมาตั้งคำถามอะไร ฝากให้พิจารณาข้อเท็จจริง เสียก่อน เพราะพูดไปแล้วมีผลเสียแก่คนอื่น การเป็นนักการเมืองรุ่นใหม่ อย่าพูดลอยๆ ควรดูข้อเท็จจริง ต้องพิจารณาก่อน ที่จะออกมาตั้งคำถาม ไม่ควรสร้างความขัดแย้ง
การเป็น ส.ส.ตลาดล่าง ไม่ได้สุขสบายเหมือน ส.ส.ตลาดบน และไม่ได้มีโอกาสเป็น ส.ส.ตลาดล่าง จะไม่มีวันเข้าใจว่า การทำหน้าที่ผู้แทน ใกล้ชิดประชาชน ต้องดูแลแก้ไขปัญหาปากท้องแก่ชาวบ้านหลายเรื่อง ทุกวันชาวบ้านเข้ามาขอความช่วยเหลือมากมาย มาประสานงานแก้ไขปัญหาต่างๆ คงไม่สามารถละเลยได้ เมื่อเห็นชาวบ้านเดือดร้อน แตกต่างจาก ส.ส.ตลาดบน ทำงานภาพรวม เน้นอภิปรายในสภา
ตนขอย้ำว่า หากเป็นผู้แทนตลาดล่าง ทำงานไม่สามารถแยกแยะได้ว่า สิ่งไหนเป็นความเดือดร้อนชาวบ้าน สิ่งไหนผิดกฎหมาย ชาวบ้านคงหาที่พึ่งไม่ได้ และหากการประสานงานดูแลช่วยเหลือชาวบ้าน ผิดกฎหมาย คงต้องพ้นตำแหน่งเกือบทั้งสภา ทุกขั้นตอนมีหน่วยงาน กระบวนการตรวจสอบ แต่ต้องแยกให้ออกถึงหน้าที่ในการดูแลช่วยเหลือชาวบ้าน
ครูแก้ว กล่าวทิ้งท้ายว่า เช่นเดียวในการประชุมสภาผู้แทน ทุกสัปดาห์ ยังเปิดโอกาสให้ ส.ส.ในสภา ทั้งฝ่ายค้านฝ่ายรัฐบาล ฝ่ายละ 15 คน รวม 30 คน นำปัญหา ความเดือดร้อนชาวบ้าน มาอภิปราย คนละ 2 นาที ผ่านสภาผู้แทน เสนอไปยังหน่วยงานเกี่ยวข้อง เพื่อหารือแก้ไข โดยไม่ได้เกี่ยวข้องกับการ แปรญัตติ วิ่งเต้นของบประมาณ ซึ่งเป็นอำนาจหน้าที่ของรัฐบาลในการพิจารณา งบลงไปช่วยเหลือ
เช่นเดียวกัน ตนอยู่ในพื้นที่ เมื่อชาวบ้านมีปัญหาความเดือดร้อน ต้องทำหน้าที่ ตรวจสอบ ประสานงาน หารือหน่วยงานมาแก้ไข ไม่ใช่ละเลย เพราะกลัวจะเข้าข่ายผิดกฎหมาย ถ้าคิดได้เช่นนั้น และแยกแยะไม่ออกระหว่างปัญหาชาวบ้าน กับข้อกฎหมาย กลัวแต่ขัดกฎหมาย คงไม่มีประโยชน์ ที่จะเข้ามาเป็นผู้แทน