เดนมาร์กไม่พอใจกรณีทรัมป์ตั้ง "ทูตพิเศษกรีนแลนด์" ย้ำต้องการดินแดนนี้

ลาร์ส ลุกเคอ ราสมุสเซน รัฐมนตรีต่างประเทศเดนมาร์กกล่าวกับสถานีโทรทัศน์แห่งชาติของเดนมาร์ก TV 2 เมื่อวานนี้ (22 ธันวาคม) ว่า เขา “รู้สึกไม่พอใจอย่างยิ่ง” ต่อการที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐฯ แต่งตั้งเจ้าหน้าที่ทูตพิเศษประจำกรีนแลนด์ ซึ่งทรัมป์แสดงความประสงค์ว่าต้องการเห็นเกาะแห่งนี้ให้เป็นส่วนหนึ่งของสหรัฐฯ โดยเรามองว่าไม่อาจยอมรับได้โดยสิ้นเชิง” 

ราสมุสเซนกล่าวว่า เขาจะเรียกเอกอัครราชทูตสหรัฐฯ ประจำเดนมาร์กเข้าพบ เพื่อตอบโต้ต่อการเคลื่อนไหวของรัฐบาลทรัมป์ 

เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา ทรัมป์ประกาศแต่งตั้งเจฟฟ์ แลนดรี ผู้ว่าการรัฐลุยเซียนา ซึ่งรับตำแหน่งตั้งแต่เดือนมกราคม 2567 ให้เป็นทูตพิเศษประจำกรีนแลนด์ โดยทรัมป์โพสต์บน Truth Social ว่า “เจฟฟ์เข้าใจดีว่ากรีนแลนด์มีความสำคัญต่อความมั่นคงแห่งชาติของเราเพียงใด และเขาจะผลักดันผลประโยชน์ของประเทศเราอย่างแข็งขัน เพื่อความปลอดภัย ความมั่นคง และการอยู่รอดของพันธมิตรของเรา และโลกโดยรวม”

แลนดรีกล่าวขณะขอบคุณทรัมป์ว่า นับเป็น “เกียรติอย่างยิ่งที่ได้รับใช้ท่านในตำแหน่งอาสาสมัครนี้ เพื่อทำให้กรีนแลนด์เป็นส่วนหนึ่งของสหรัฐฯ” เขายังกล่าวด้วยว่า เรื่องนี้ “ไม่ส่งผลกระทบใด ๆ” ต่อบทบาทของเขาในฐานะผู้ว่าการรัฐลุยเซียนา

ทรัมป์ได้กล่าวย้ำหลายครั้งว่า เขาต้องการผนวกกรีนแลนด์ ซึ่งเป็นเกาะขนาดใหญ่ อุดมไปด้วยทรัพยากรในมหาสมุทรแอตแลนติก และเป็นดินแดนปกครองตนเองของเดนมาร์ก โดยอ้างว่ามีความจำเป็นต่อความมั่นคงของสหรัฐฯ

รองประธานาธิบดี เจดี แวนซ์ ของสหรัฐฯ ได้เดินทางเยือนเกาะแห่งนี้ท่ามกลางเสียงวิพากษ์วิจารณ์ในเดือนมีนาคม โดยกล่าวว่า กรีนแลนด์มีความเปราะบาง และว่าสหรัฐฯ “ไม่มีทางเลือกอื่น” นอกจากต้องเพิ่มบทบาทและการปรากฏตัวในพื้นที่ดังกล่าว

แต่ทั้งกรีนแลนด์และเดนมาร์ก ซึ่งเป็นพันธมิตรในองค์การนาโตของสหรัฐฯ ต่างคัดค้านแนวคิดนี้อย่างแข็งขัน

นายกรัฐมนตรีกรีนแลนด์ เยนส์-เฟรเดอริก นีลเซน แสดงท่าทีแข็งกร้าวเมื่อวานนี้ โดยกล่าวว่าการประกาศของทรัมป์ “อาจฟังดูยิ่งใหญ่ แต่ก็ไม่ได้เปลี่ยนแปลงอะไรสำหรับพวกเรา เราเป็นผู้ตัดสินอนาคตของเราเอง” 

ในเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา ผู้แทนสหรัฐฯ ประจำเดนมาร์กถูกเรียกตัวโดยกระทรวงการต่างประเทศเดนมาร์ก หลังจากสื่อสาธารณะของประเทศรายงานว่า ชายชาวอเมริกันหลายคนพยายามใช้อิทธิพลดำเนิน “การแทรกแซง” ในกรีนแลนด์

ทั้งนี้ กรีนแลนด์ อดีตอาณานิคมของเดนมาร์ก ที่มีประชากรประมาณ 57,000 คน มีสิทธิ์ที่จะประกาศเอกราชภายใต้ของตกลงในปี 2552 แต่ยังคงพึ่งพาการประมงและความช่วยเหลือจากเดนมาร์ก 

เนื่องจากกรีนแลนด์ถือเป็นจุดยุทธศาสตร์ระหว่างยุโรปและอเมริกาเหนือ ทำให้ดินแดนแห่งนี้เป็นสถานที่สำคัญสำหรับระบบป้องกันขีปนาวุธของสหรัฐฯ ขณะเดียวกัน การที่เกาะกรีนแลนด์อุดมสมบุรณ์ด้วยแร่ธาตุ ยิ่งตอกย้ำความสนใจของสหรัฐฯในการลดการพึ่งพาการนำเข้าจากจีน 

ราสมุสเซนกล่าวก่อนหน้านี้ว่า การแต่งตั้งผู้แทนคนใหม่ “ยืนยันถึงความสนใจอย่างต่อเนื่องของสหรัฐฯ ต่อกรีนแลนด์” แต่เขาเน้นย้ำว่า “อย่างไรก็ตาม เราขอยืนยันว่าทุกฝ่าย รวมถึงสหรัฐฯ ต้องแสดงความเคารพต่อบูรณภาพแห่งดินแดนของราชอาณาจักรเดนมาร์ก”

ด้านอานูอาร์ เอล อานูนี โฆษกสหภาพยุโรป กล่าวว่า “การรักษาบูรณภาพดินแดนของราชอาณาจักรเดนมาร์ก อธิปไตย และความมั่นคงของพรมแดนเป็นสิ่งสำคัญยิ่งสำหรับสหภาพยุโรป” ในการตอบโต้การเคลื่อนไหวของทรัมป์ดังกล่าว