รีเซต

พ่อเปิดใจหลัง ลูกสาวท้อง 6 เดือน ถูกยิงดับ ปมขัดแย้งเรื่องที่ดิน เผยใจสลายเสียทั้งลูก-หลาน

พ่อเปิดใจหลัง ลูกสาวท้อง 6 เดือน ถูกยิงดับ ปมขัดแย้งเรื่องที่ดิน เผยใจสลายเสียทั้งลูก-หลาน
มติชน
20 มิถุนายน 2563 ( 22:15 )
169
พ่อเปิดใจหลัง ลูกสาวท้อง 6 เดือน ถูกยิงดับ ปมขัดแย้งเรื่องที่ดิน เผยใจสลายเสียทั้งลูก-หลาน

 

กรณีเมื่อวันที่ 19 มิถุนายนที่ผ่านมา เกิดเหตุคนร้ายใช้อาวุธปืนยิงรถยนต์เก๋งที่ 2 สามีภรรยา นั่งมาด้วยกันจน บาดเจ็บเเละเสียชีวิต เหตุเกิดที่บริเวณถนนสายยางหัก – บ้านวังปลาซ่อน หมู่ 1 ตำบลยางหัก อำเภอปากท่อ จังหวัดราชบุรี ซึ่งผู้เสียชีวิต คือ น.ส.จินดารักษ์ ขุนนุช อายุ 28 ปี เป็นภรรยาท้อง 6 เดือน เสียชีวิตคาอยู่ภายในรถด้านหน้าฝั่งซ้ายของคนขับรถ มีบาดแผลถูกยิงที่ศีรษะ 1 นัด หลังใบหูด้านซ้าย 1 นัด ต้นแขนซ้าย 1 นัด รวม 3 นัด เเละผู้บาดเจ็บคือ นายพิทักษ์ สุขมาก อายุ 31 ปี สามีของ น.ส.จินดารักษ์ ถูกยิงเข้าที่ลำคอ 1 นัด มือซ้าย 1 นัด ถูกนำตัวส่งโรงพยาบาลปากท่อ เเละส่งต่อโรงพยาบาลราชบุรีในเวลาต่อมา ส่วนผู้ก่อเหตุทราบว่า คือ นายกฤษณ์ ทนาถาวรฤทธิ์ หรือ น้อย ผมยาว อายุประมาณ 70 ปี หลังก่อเหตุได้หลบหนีไป ต่อมามือปืนผู้ก่อเหตุยิง ได้เข้ามอบตัวต่อผู้กับการ สภ.ปากท่อ พร้อมให้การรับสารภาพว่าเป็นผู้ก่อเหตุจริง ทางเจ้าหน้าที่จึงนำตัวไปทำแผนที่เกิดเหตุก่อนควบคุมตัวไว้ดำเนินคดี

 

เมื่อวันที่ 20 มิถุนายน ผู้สื่อข่าว ได้ลงพื้นที่ไปพบกับ นายจำลอง ขุนนุช อายุ 74 ปี ซึ่งเป็นพ่อผู้เสียชีวิต กล่าวว่า  ตอนนี้ยังทำใจไม่ได้กับเหตุการณ์ที่เหตุขึ้นเพราะลูกสาวจากไปอย่างกะทันหัน ไม่ทันตั้งตัว ซึ่งเหตุการณ์ครั้งนี้ไม่ได้เสียแค่ลูกสาวเพียงคนเดียว แต่ต้องมาเสียหลานในท้องของลูกสาวไปด้วยอีกคนที่ตั้งท้องได้ 6 เดือน ส่วนปัญหาเรื่องที่เกิดขึ้นนั้นมาจากเรื่องที่ดิน ก่อนหน้านี้มีที่ดินอยู่ผืนหนึ่งจำนวน 6 ไร่ ซึ่งเป็นของลูกสาว ต่อมานายกฤษณ์ ทนาถาวรฤทธิ์ คนก่อเหตุ มาติดต่อขอซื้อที่ดินดังกล่าว แล้วมีการทำการซื้อขายกัน แต่ไม่ทราบรายละเอียดของความขัดแย้งลึก ๆ ตอนนี้ ตนเองก็ไม่ทราบว่าเกิดอะไรขึ้น ทำไมถึงต้องมายิงกันแบบนี้

 

นายจำลอง กล่าวต่อว่า เมื่อวานนี้ช่วงประมาณเที่ยงกว่า ๆ ลูกชายอีกคนได้วิ่งมาหาตนเองที่บ้านแล้วก็บอกว่าลูกสาวถูกยิง ตรงก่อนถึงหน้าบ้าน ตนเองก็เลยรีบวิ่งไปที่เกิดเหตุ พอไปถึงก็เห็นนายพิทักษ์ คลานออกมาจากรถ มีเลือดเต็มตัวไปหมด และมองไปเห็นลูกสาวที่นั่งอยู่ข้างเบาะคนขับในรถ นอนหัวพับลง ตนเองจึงเข้าไปหาลูกสาวที่นั่งอยู่เพื่อจะเรียก ปรากฏว่าลูกสาวเสียชีวิตแล้ว

 

“พยายามเรียกลูก แต่ไม่มีการตอบสนองเลยแม้แต่นิดเดียว จับชีพจรก็แล้ว ลูกไม่ฟื้นกลับคืนมาอีกแล้ว ตอนนั้นใจสลาย เพราะเสียทั้งลูกสาวและหลานที่อยู่ในท้องของลูกสาวอีกคน ขณะผู้ก่อเหตุ ก็เคยเจอ เคยเห็นตั้งหลายรอบ หลายครั้ง แล้วลักษณะพฤติกรรมของผู้ก่อเหตุนั้นก็เป็นคนพูดจาดี ดูสุภาพก็ไม่น่าเชื่อว่าจะมาก่อเหตุยิงลูกสาวตนในวันนี้ แล้วขอให้กฏหมายเอาผิดและดำเนินคดีให้ถึงที่สุด” นายจำลอง กล่าว

 

ขณะที่นางวลาวัลย์ อิ่นคำ อายุ 56 ปี แม่ผู้เสียชีวิต กล่าวว่า ก่อนหน้านี้ที่ดินจำนวน 6 ไร่นั้น เคยเป็นที่ดินของนางสาวจินดารักษ์ แต่ได้ขายให้ นายกฤษณ์  พร้อมได้มาสร้างบ้านในที่ดินดังกล่าว แต่หลังจากนั้น นายกฤษณ์ ก็ได้เอาที่ดิน 6 ไร่ ไปขายต่อกับคนกรุงเทพจำนวน 300,000 บาท แต่เนื่องจากคนที่ซื้อไปนั้น มารู้ว่าที่ตรงนั้นเป็นที่ สปก. ไม่สามารถซื้อขายได้ เพราะผิดกฎหมาย จึงจะขายคืนให้กับผู้ก่อเหตุ ขณะเดียวกันลูกสาวก็เลยไปขอซื้อคืนกลับมาเป็นของตนเองในราคา 300,000 บาทเท่าเดิม แต่ผู้ก่อเหตุนั้นได้รับเงินมาหมดแล้วและก็ไม่ยอมให้ที่คืน โดยผู้ก่อเหตุจะเอาบ้านที่ปลูกไว้อยู่ในที่ดินดังกล่าว พร้อมกับยังซื้อดินทรายมาลงเพื่อจะทำการปลูกต่อเติมเพิ่มขึ้น

 

นางวลาวัลย์ กล่าวต่อว่า ตนได้พยายามไกล่เกลี่ย ยกบ้านให้และจะทำทางเข้าให้ 1 เมตร เพราะนายกฤษณ์ อ้างว่าไปแจ้งบ้านเลขที่มาเรียบร้อยแล้ว จนมาวันเกิดเหตุลูกสาวตนเองได้พาไปซื้อผักที่ตลาดศรีเมือง เพื่อจะนำมาขาดที่ตลาดนัด เนื่องจากตนเองเป็นแม่ค้าขายผัก จนซื้อมาเสร็จและไปขายที่นัดใกล้บ้านโดยลูกสาวนั้น บอกว่าจะเข้าไปเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อน และจะตามมาช่วยขายของ แต่ที่รู้คือคนงานที่ทำประตูบอกว่า ลูกสาวได้เห็นนายกฤษณ์ กำลังทำประตูรั้วอยู่ ลูกสาวก็เลยถามว่าทำไมมาทำประตูปิดเปิดทางเข้าในที่ของหนู แต่นายกฤษณ์ ก็ชักปืนยิงใส่ในรถทันที จนทำให้ลูกสาวเสียชีวิตไปพร้อมกับหลานที่อยู่ในท้อง และสามีได้รับบาดเจ็บดังกล่าว ส่วนศพผู้เสียชีวิตได้ตั้งบำเพ็ญกุศลไว้ที่วัดห้วยศาล ใกล้กับบ้าน

 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง