เร่งขุดบ่อดินรองรับสารเคมี ป้องกันผลกระทบต่อชุมชน

เหตุเพลิงไหม้โรงงานเก็บกากสารเคมีวินโพรเสส ในตำบลบางบุตร อำเภอบ้านค่าย จังหวัดระยอง ได้ส่งผลกระทบอย่างมากต่อชุมชนโดยรอบ ทั้งในแง่ของมลพิษทางอากาศ และความเสี่ยงของการปนเปื้อนสารเคมีในแหล่งน้ำ องค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) ระยอง จึงได้เร่งดำเนินการขุดบ่อดินเพื่อรองรับน้ำชะล้างสารเคมีจากโรงงาน ป้องกันไม่ให้ไหลลงสู่ลำรางสาธารณะและส่งผลกระทบต่อชุมชน

นายปิยะ ปิตุเตชะ นายก อบจ.ระยอง ได้เปิดเผยถึงการดำเนินการว่า ทางหน่วยงานกำลังเร่งขุดบ่อดักสารเคมีเข้มข้นจากการชะล้างดับเพลิง ในพื้นที่ของโรงงานประมาณ 3 ไร่ โดยน้ำเสียจากโรงงานจะถูกระบายลงสู่บ่อนี้ก่อน เพื่อเป็นการดักตะกอนสารเคมีเข้มข้น ก่อนที่น้ำจะล้นไหลไปยังบ่อน้ำเสียเดิมของโรงงานที่อยู่ต่ำลงไปอีก 3 บ่อ ซึ่งจะมีการนำดินที่ขุดได้ไปเสริมคันดินให้สูงขึ้น และปูผ้าใบรองพื้น เพื่อป้องกันการซึมของสารเคมีลงสู่ใต้ดิน และการไหลลงสู่ลำรางสาธารณะ

ทั้งนี้ จากการขุดลึกลงไปประมาณ 5 เมตร พบว่ามีน้ำสีดำเข้มซึมออกมาจากใต้ดิน พร้อมกับกลิ่นเหม็นคล้ายน้ำมันเครื่องที่รุนแรง ซึ่งคาดว่าน่าจะเป็นสารเคมีที่ซึมลงใต้ดินและสะสมมาเป็นเวลานาน โดยมีแผนจะขุดให้ลึกถึง 10 เมตร เพื่อให้สามารถรองรับน้ำจากการชะล้างในโรงงานและน้ำฝนได้มากถึง 250,000 ลูกบาศก์เมตร และต้องการให้แล้วเสร็จภายใน 4 วัน ก่อนที่ฤดูฝนจะมาถึง เพื่อป้องกันการปนเปื้อนออกสู่ภายนอก

ในขณะเดียวกัน สถานการณ์ภายในโรงงานยังคงน่ากังวล เมื่อพบเพลิงปะทุขึ้นมาอีกครั้งที่บริเวณโกดังที่ 5 แม้ว่าเจ้าหน้าที่ดับเพลิงจะควบคุมเพลิงไว้ได้ในเวลาต่อมา แต่บริเวณโกดังก็ยังคงมีความร้อนสูงถึง 1,000 องศาเซลเซียส ตรวจวัดโดยโดรน ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความเสี่ยงที่อาจเกิดเพลิงปะทุซ้ำได้ตลอดเวลา

เหตุการณ์นี้สะท้อนให้เห็นถึงความจำเป็นเร่งด่วนในการบริหารจัดการกากสารเคมีอุตสาหกรรมอย่างเป็นระบบ ทั้งในแง่ของการควบคุมดูแลให้เป็นไปตามมาตรฐาน การเตรียมความพร้อมรับมือเหตุฉุกเฉิน รวมถึงการสื่อสารข้อมูลและสร้างความเชื่อมั่นแก่ชุมชนที่อยู่อาศัยโดยรอบ เพื่อลดผลกระทบและป้องกันความเสียหายที่อาจขยายวงกว้างสู่ระบบนิเวศและสิ่งแวดล้อมในระยะยาว ซึ่งจำเป็นต้องอาศัยความร่วมมือจากทุกภาคส่วนในการร่วมกันแก้ไขปัญหาอย่างจริงจังและต่อเนื่องต่อไป