หุ้นไฟฟ้าฟาดอีก กกพ.รับซื้อเฟส2
กกพ. เซ็นไฟฟ้าหมุนเวียนวันนี้ เดินหน้าประมูลโรงไฟฟ้ารอบ 2 อีก 3,668.5 เมกะวัตต์ แบ่ง 2 ส่วน คือ ให้สิทธิเอกชนที่ประมูลในรอบแรกไม่ผ่าน พร้อมเปิดให้เอกชนรายใหม่ยื่นเพิ่ม ย้ำการคัดเลือกดำเนินการโปร่งใสและเป็นธรรมมีการปิดชื่อช่วงพิจารณา ส่วนแนวโน้มค่าไฟฟ้าจะดีขึ้นตามกำลังผลิตก๊าซธรรมชาติในอ่าวไทยที่จะทยอยเพิ่มขึ้นสู่ระดับปกติ โบรกชูหุ้นโรงไฟฟ้าดีต่อ BGRIM-GULF-GUNKUL-ACE-SPP เลือก SSP เด่นสุดเป้า 14 บาท
นายคมกฤช ตันตระวาณิชย์ เลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (สำนักงาน กกพ.) ในฐานะโฆษก กกพ. เปิดเผยว่า วันที่ 19 เมษายน จะมีการลงนามรับทราบเงื่อนไข การลงนามในสัญญาซื้อขายไฟฟ้า สำหรับผู้ที่ผ่านได้รับการประกาศรายชื่อ “โครงการจัดหาไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียนในรูปแบบ Feed-in Tariff (FiT) ปี 2565 -2573 สำหรับกลุ่มไม่มีต้นทุนเชื้อเพลิง พ.ศ. 2565” กับเอกชนรวมทั้งสิ้น 175 ราย รวมกำลังผลิตไฟฟ้า 4,852.26 เมกะวัตต์ จากผู้มีสิทธิ์ผ่านเข้าพิจารณาทั้งสิ้น 386 ราย
@จ่อเปิดประมูลไฟฟ้ารอบ 2
หลังจากนั้นจะเริ่มเปิดรับซื้อไฟฟ้ารอบเพิ่มเติม ตามมติคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ (กพช.) ที่เห็นชอบปรับแผนรับซื้อไฟฟ้าพลังงานสะอาดอีก 3,668.5 เมกะวัตต์ โดยในส่วนของรายละเอียดจะต้องมีการพิจารณากันอีกครั้ง
สำหรับเงื่อนไขของการรับซื้อไฟฟ้าเพิ่ม โดยจะแบ่งเป็น 2 ส่วน คือ 1.ให้สิทธิ์ให้กับเอกชน ที่ได้มีการยื่นเสนอขายไฟฟ้าในรอบแรกเข้ามาร่วมประมูล แต่ไม่ผ่านการพิจารณา ได้รับการพิจารณาก่อน ซึ่งมองว่าในส่วนนี้การดำเนินการไม่ได้มีความยุ่งยาก แต่ต้องรอประกาศอย่างเป็นทางการ
2.ให้สิทธิ์เอกชนรายใหม่ได้ยื่นประมูล แต่จะต้องพิจารณาถึงเงื่อนไขรายละเอียดต่างๆ ให้รอบคอบ เพื่อไม่ให้เกิดการฟ้องร้องกันได้ในภายหลัง ทั้งนี้ กกพ.มีการประชุมทุกวันพุธต้องรอดูว่าจะมีการพิจารณาช่วงไหน แต่จะเร่งดำเนินการ ให้สอดคล้องกับมติของ กพช.ต่อไป
@คัดเลือกโปร่งใส
สำหรับประเด็นการคัดเลือกหาผู้ชนะในรอบที่ผ่านมา ทาง กกพ. ขอยืนยันว่ากระบวนการดำเนินการมีความโปร่งใสและเป็นธรรม เพราะในการพิจารณาในแต่ละรอบ อย่างในรอบเทคนิค จะมีการพิจารณาจากเลขคำเสนอขายไฟฟ้า ที่มีเลข REP และมีเลขต่อท้ายไม่ได้เห็นรายชื่อบริษัทในการพิจารณาแต่อย่างใด
การเห็นรายชื่อผู้เสนอคือช่วงวันประกาศผลในวันที่ 5 เมษายน 2566 ดังนั้นกระบวนการพิจารณาของกกพ.นั้นเป็นไปตามขั้นตอนในการดำเนินการอย่างเป็นธรรม
@แนวโน้มค่าไฟลด
ส่วนแนวโน้มค่าไฟฟ้า ที่ผ่านมาทาง กกพ. พยายามชี้แจงถึงสาเหตุที่ค่าไฟฟ้าสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ช่วงปลายปี 2564 ว่ามีหลายปัจจัย แต่ปัจจัยที่สำคัญคือการจัดหาก๊าซธรรมชาติในอ่าวไทยที่น้อยกว่าปกติ จึงต้องมีการนำเข้าซึ่งปัญหาสงครามทำให้ราคาก๊าซธรรมชาติสูง ประกอบการขอความช่วยเหลือให้ การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย หรือ กฟผ. คงค่าไฟฟ้าแปรผัน (FT) ไว้ ทำให้ติดหนี้ กฟผ. ซึ่งต้องมีการชำระหนี้
แต่เชื่อว่าจากนี้สถานการณ์จะดีขึ้น เพราะแนวโน้มกำลังผลิตก๊าซธรรมชาติในอ่าวไทยจะกลับมาสู่ระดับปกติที่ 800 ล้านลูกบาศก์ฟุตต่อวัน ได้ในช่วงกลางปี 2567 จากปัจจุบันมีกำลังผลิตกว่า 200 ล้านลูกบาศก์ฟุตต่อวัน โดยจะขึ้นมาที่ 400 ล้านลูกบาศก์ฟุตต่อวัน เดือนกรกฎาคม 2566 และไปที่ 600 ล้านลูกบาศก์ฟุตต่อวันในเดือนธันวาคม
ซึ่งหากกำลังการผลิตส่วนนี้เพิ่มขึ้นจะมีส่วนช่วยทำให้ค่าไฟถูกลง อย่างไรก็ตามด้วยภาระเงินค้าง กฟผ. ก็ต้องรับผิดชอบชำระให้ กฟผ. แต่โดยรวมเชื่อว่าค่าไฟฟ้าจะลดลง
@โรงไฟฟ้ารับต่อชอบ SSP
ด้านบริษัทหลักทรัพย์ ดาโอ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) ระบุถึงกลุ่มโรงไฟฟ้าว่า การเปิดประมูลรอบ 2 ของโครงการพลังงานหมุนเวียน จะเป็นบวกต่อกลุ่มโรงไฟฟ้า ที่จะมีโอกาสได้กำลังการผลิตเพิ่มขึ้น ทั้งในส่วนของ GULF BGRIM TSE ACE รวมไปถึง SSP เป็นต้น
โดยเลือก SSP เป็นหุ้นเด่นของกลุ่ม เนื่องจากยังมีพอร์ตกำลังการผลิตยังไม่สูงมากนัก ทำให้อัตราการเติบโตจะสูงกว่าบริษัทที่มีกำลังการผลิตไฟฟ้ามากอยู่แล้ว ปัจจุบัน SSP มีกำลังการผลิตไฟฟ้าที่ 255 เมกะวัตต์ (Equity MW) ไม่รวมโครงการที่ประมูลได้รอบแรก และยังได้ประโยชน์จาก Ft ปีนี้ที่สูงกว่าปีที่ผ่านมา ประเมินกำไรปีนี้ที่ 1,118 ล้านบาท ส่วนไตรมาส 1/2566 คาดกำไรที่ 266 ล้านบาท เติบโต 40% จากไตรมาสก่อนหน้า แต่ลดลง 10% จากช่วงเดียวกันปีก่อน ราคาเป้าหมายที่ 14 บาท