พบมัมมี่อียิปต์ลิ้นทองคำ ในวิหารต้องสงสัยเป็นสุสานพระนางคลีโอพัตรา
ทีมนักโบราณคดีของอียิปต์และมหาวิทยาลัยซานโตโดมิงโกแห่งสาธารณรัฐโดมินิกัน ขุดพบมัมมี่ร่างหนึ่งซึ่งมีอายุเก่าแก่ราว 2,000 ปี โดยมัมมี่ดังกล่าวมีลิ้นที่ทำจากแผ่นทองคำอยู่ในปาก
การค้นพบครั้งสำคัญนี้เกิดขึ้นที่วิหาร "ทาโปไซริส แม็กนา" (Taposiris Magna) ในเมืองอเล็กซานเดรียของอียิปต์ ซึ่งนักโบราณคดีบางกลุ่มเชื่อกันว่า วิหารแห่งนี้อาจเป็นสุสานที่ฝังร่างพระนางคลีโอพัตราที่ 7 ผู้มีชื่อเสียงโด่งดังในประวัติศาสตร์
มัมมี่ลิ้นทองคำร่างนี้อยู่ในช่องเก็บศพซึ่งเจาะเข้าไปในก้อนหินขนาดใหญ่ โดยขุดพบพร้อมกับมัมมี่อื่น ๆ อีก 15 ร่างที่มีสภาพไม่สมบูรณ์นัก
ทีมนักโบราณคดีผู้ค้นพบคาดว่า มัมมี่เหล่านี้เคยมีชีวิตอยู่ในยุคราชวงศ์ทอเลมี (Ptolemy) ซึ่งวัฒนธรรมกรีก-โรมันได้เข้ามามีอิทธิพลอย่างสูงในอียิปต์ หรืออาจมาจากยุคที่จักรวรรดิโรมันเริ่มเข้ามาปกครองอียิปต์อย่างเต็มตัว
ยังไม่ทราบแน่ชัดว่า การประดิษฐ์เครื่องรางขึ้นเป็นรูปลิ้นจากแผ่นทองคำ แล้วนำเข้าไปไว้แทนที่อวัยวะจริงในช่องปากนั้น ทำไปด้วยสาเหตุใดกันแน่ แต่อาจเป็นได้ว่าผู้ตายมีความพิการหรือความผิดปกติทางการพูด จึงจำเป็นต้องมีลิ้นใหม่เพื่อใช้พูดจากับเทพโอไซริส (Osiris) ผู้พิพากษาตัดสินวิญญาณของคนตายในปรโลก
นอกจากมัมมี่ลิ้นทองคำแล้ว ยังพบมัมมี่เพศหญิงที่มีหน้ากากและกล่องบรรจุร่าง (cartonage) ที่ชั้นในของโลง โดยกล่องบรรจุร่างนี้ทำจากปูนปลาสเตอร์ ผ้าลินิน และกาว ปั้นเป็นรูปทรงใบหน้าและลำตัวที่พอดีกับร่างผู้ตาย แล้วประดับตกแต่งด้วยทองคำเปลวเป็นรูปสัญลักษณ์ต่าง ๆ ซึ่งมีทั้งมงกุฎ เขาสัตว์ งูเห่า รวมทั้งสร้อยคอที่มีจี้รูปหัวนกเหยี่ยว ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของเทพฮอรัส
ก่อนหน้านี้มีการค้นพบเหรียญเงินจำนวนมากที่วิหารทาโปไซริส แม็กนา ซึ่งเหรียญเหล่านี้สลักชื่อและภาพใบหน้าของพระนางคลีโอพัตราที่ 7 ฟาโรห์องค์สุดท้ายของอาณาจักรอียิปต์โบราณ อันนับเป็นหลักฐานบ่งชี้ว่า ยังมีการใช้งานวิหารแห่งนี้บูชาเทพโอไซริสและเทพีไอซิสในสมัยที่พระนางครองอำนาจอยู่ ทำให้น่าสงสัยว่าอาจจะเป็นสถานที่ฝังพระศพซึ่งปัจจุบันก็ยังค้นหาไม่พบ
ราชวงศ์ทอเลมีเป็นชาวกรีกที่ปกครองอียิปต์ระหว่างช่วง 304 - 30 ปีก่อนคริสตกาล โดยหลังจากพระนางคลีโอพัตราพ่ายแพ้ต่อกองทัพของจักรพรรดิออกัสตัส ทำให้อียิปต์ตกไปอยู่ภายใต้การปกครองของจักรวรรดิโรมันอย่างสมบูรณ์ในที่สุด