โฆษก ศบค.เผย “พ.ร.ก.ฉุกเฉิน” กระทบเศรษฐกิจบ้าง แต่ลดจำนวนผู้ป่วยโควิด-19 ในไทยได้
เมื่อวันที่ 18 พฤษภาคม ที่ ศูนย์แถลงข่าวรัฐบาล “โควิด-19” ทำเนียบรัฐบาล นพ.ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) (ศบค.) แถลงข่าวความคืบหน้าของสถานการณ์โรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019
นพ.ทวีศิลป์ กล่าวว่า วิเคราะห์ผู้ป่วยโรคติดเชื้อโควิด-19 นอก จ.ภูเก็ต ที่มีประวัติเดินทางไป/มาจาก จ.ภูเก็ตในช่วง 14 วันก่อนเริ่มป่วย ข้อมูลตั้งแต่วันที่ 1 มีนาคม – 17 พฤษภาคม พบ ผู้ป่วยยืนยันจำนวน 14 ราย อัตราชายต่อหญิง เป็น 1:2.5 ค่ามัธยฐานอายุ 30 ปี อายุน้อยสุด 21 ปี อายุมากสุด 59 ปี แบ่งเป็น มีอาการป่วย 11 ราย ไม่มีอาการป่วย 3 ราย โดยพบจากการสอบสวนโรคและการติดตามผู้เดินทางจากพื้นที่เสี่ยง โดยมีประวัติเสี่ยง ดังนี้
1.ประกอบอาชีพในภูเก็ต 9 ราย เช่น สถานบันเทิง ร้านนวด ร้านอาหาร โรงแรม ร้านทำผม ห้างสรรพสินค้า 2.วัตถุประสงค์อื่น 5 ราย โดยทั้งหมดนี้ พบใน เดือนมีนาคม จำนวน 7 ราย เดือนเมษายน จำนวน 5 ราย เดินทางไปที่ภาคตะวันออกและภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และเดือนพฤษภาคม จำนวน 2 ราย เดินทางไปที่ จ.ปราจีนบุรี และ จ.เชียงใหม่
“ผู้ป่วยทั้งหลายนี้ เป็นการเดินทางข้ามจังหวัด เป็นเรื่องธรรมดาของโรคระบาด เราไม่ต้องโทษใครและไม่ใช่ประเด็นของแต่ละจังหวัด เรามีอิสระเสรีในการเดินทางไปในทุกที่ แต่ท่านต้องเข้าใจถึงความเสี่ยงของท่านเอง หากพบว่ามีอาการป่วยก็ต้องรีบเข้ารับการรักษาโดยเร็ว เพียงแค่มีอาการเริ่มต้น จมูกไม่ได้กลิ่น รู้สึกครั่นเนื้อครั่นตัว ขอขอบคุณประชาชนที่ภูเก็ต ที่พยายามดูแลตัวเองทั้งในระดับฝ่ายปกครองและฝ่ายประชาชน แต่อย่างไรก็ตามความมั่นใจ หากภูเก็ตมีการดูแลเป็นอย่างดีแล้วเชื่อว่าตัวเลขผู้ป่วยจะน้อยลงเรื่อยๆ” นพ.ทวีศิลป์ กล่าว
นพ.ทวีศิลป์ กล่าวต่อว่า ในช่วง 1 มีนาคม ประเทศไทยมีผู้ป่วยเป็นจำนวนน้อยมาก แต่หลังจากนั้นมีการเพิ่มเลยเรื่อยๆ และในวันที่ 1 เมษายน มีการแพร่กระจายเชื้อทั่วทั้งประเทศ ภายใน 1 เดือน จนกระทั่งวันที่ 26 มีนาคม ที่มีการประกาศพระราชกำหนด(พ.ร.ก.)การบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ.2548 จนถึงเมื่อวันที่ 17 พฤษภาคม ใช้เวลาประมาณ 1 เดือนครึ่ง ประเทศไทยกลับมาเป็นพื้นที่สีเขียวเกือบเต็มประเทศ ซึ่งใช้เวลามากกว่าการติดเชื้อ ดังนั้นอย่าให้เกิดการระบาดอีกครั้ง เนื่องจากจะต้องทุ่มเทกำลังและทรัพยากรต่างๆ อีกมากมายในการป้องกัน ส่วนเรื่องของมาตรการล็อกดาวน์ที่ทำให้สูญเสียด้านเศรษฐกิจบ้าง แต่ตัวเลขของผู้ป่วยน้อยกว่าประเทศอื่นๆ