BT Group จ่อปลดพนักงาน 55,000 คน เพราะใช้ AI ทำงานแทนได้
บีที กรุ๊ป (BT Group) ผู้ให้บริการเครือข่ายโทรศัพท์มือถือรายใหญ่ของอังกฤษ เตรียมปลดพนักงานสูงถึง 55,000 ราย ภายในปี 2030 เนื่องจากบริษัทเตรียมแทนที่พนักงานด้วยการหันมาใช้เทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์หรือเอไอ (AI) ถือเป็นการประกาศปรับลดโครงสร้างบริษัทครั้งใหญ่ในภาคเทคโนโลยีอีกครั้ง เพื่อลดต้นทุนและรับมือกับภาวะเงินเฟ้อที่รุนแรงในปัจจุบัน
โดยแผนการลดขนาดโครงสร้างบริษัทลงกว่า 40% จากจำนวนพนักงานทั้งหมด 130,000 คน ที่รวมถึงลูกจ้างของบริษัทในครั้งนี้เป็นการปลดพนักงานในภาคการบริการลูกค้า (Customer Service) ออกเป็นส่วนใหญ่เพราะมีการหันมาใช้เอไอและเทคโนโลยีต่าง ๆ มากขึ้น
ฟิลิป แจนเซน ประธานผู้บริหาร (CEO) ของบีที กรุ๊ปกล่าวว่า เมื่อไรก็ตามที่มีเทคโนโลยีใหม่ การเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ก็จะเกิดขึ้นตามมา โดยนวัตกรรมเจเนอเรทิฟ เอไอ (Generative AI) หรือเอไอที่สามารถสร้างสรรค์เนื้อหาใหม่ ๆ จากชุดข้อมูลที่มีด้วยอัลกอริทึม เช่น แชตจีพีที (ChatGPT) เครื่องมือที่สามารถเขียนข้อความ หรือแก้ปัญหาการเขียนโปรแกรมคอมพิวเตอร์ได้ราวกับมนุษย์นั้น ได้ทำให้แจนเซนมั่นใจว่าบริษัทจะไปได้ไกลกว่านี้
ซีอีโอรายนี้ยังกล่าวเสริมด้วยว่า เทคโนโลยีใหม่ ๆ จะทำให้เกิดงานใหม่ ๆ ด้วยเช่นกัน แม้ว่าในปัจจุบัน บีที กรุ๊ปจะประกาศปรับลดจำนวนพนักงานลงภายใน 2030 เนื่องจากหันมาใช้ปัญญาประดิษฐ์ก็ตาม
โดยในขณะนี้บีที กรุ๊ปกำลังขยายเครือข่ายอินเทอร์เน็ตไฟเบอร์ออปติก 5จี อย่างต่อเนื่อง และหากการดำเนินการดังกล่าวเสร็จสมบูรณ์ บริษัทรายนี้กล่าวว่าก็ไม่จำเป็นที่จะต้องพึ่งพาพนักงานจำนวนมากในการสร้างและบำรุงรักษาระบบต่อไป นอกจากนี้ การใช้เทคโนโลยีที่ใหม่กว่าและมีประสิทธิภาพมากขึ้น อย่างเอไอ จะทำให้ความต้องการกำลังคนในการให้บริการลูกค้าจะน้อยลงไปด้วย
ข่าวร้ายนี้เกิดขึ้นเพียง 2 วัน หลังจากที่ โวดาโฟน (Vodafone) ยักษ์ใหญ่ด้านโทรคมนาคมอีกเจ้าหนึ่งของอังกฤษประกาศปลดพนักงานราว 1 ใน 10 ของกำลังคนทั้งหมด ซึ่งเทียบเท่า 11,000 ตำแหน่ง ในช่วง 3 ปีข้างหน้า
แจนเซนเน้นย้ำด้วยว่า บีที กรุ๊ปจะกลายเป็นธุรกิจที่มีประสิทธิภาพมากขึ้นและอนาคตที่สดใส ในการที่จะบรรลุเป้าหมายนั้นจึงได้มีแผนการปรับลดโครงสร้างบริษัทให้เล็กลง โดยสหราชอาณาจักรซึ่งมีกำลังคนอยู่ประมาณ 80,000 คน จะกลายเป็นพื้นที่ที่มีการปลดพนักงานส่วนมากออก รวมถึงลูกจ้างอีก 30,000 คน ซึ่งส่วนใหญ่กระจายตัวอยู่ในต่างประเทศด้วยเช่นกัน ซึ่งแผนการดังกล่าวมีรายละเอียดดังนี้
1. ปลดพนักงานกว่า 15,000 คน เมื่อการพัฒนาเครือข่ายอินเทอร์เน็ตไฟเบอร์ความเร็วสูงเสร็จสิ้นในสหราชอาณาจักร
2. ปลดพนักงานกว่า 10,000 คน เมื่อระบบของเครือข่ายใหม่ดังกล่าวเข้าที่และต้องการการดูแลรักษาน้อยลง
3. ปลดพนักงานกว่า 10,000 คน จากการใช้เทคโนโลยีใหม่ ๆ รวมถึงปัญญาประดิษฐ์
4. ปลดพนักงานราว 5,000 คน จากการปรับโครงสร้างบริษัทอื่น ๆ
ด้านสหภาพแรงงานและการติดต่อสื่อสาร (Communications and Workers Union: CWU) กล่าวว่า ข่าวลอยแพพนักงานของบีทีกรุ๊ปนี้ไม่ใช่เรื่องน่าแปลกใจ
โฆษกของ CWU กล่าวว่า การที่บีที กรุ๊ปหันมาใช้เทคโนโลยีใหม่ ๆ รวมถึงการพัฒนาโครงข่ายไฟเบอร์แทนที่เครือข่ายเก่าจะส่งผลให้ต้นทุนของบริษัทลดลงในอีกไม่กี่ปีข้างหน้า อย่างไรก็ตาม สหภาพแรงงานได้เน้นย้ำให้บริษัทคงจำนวนพนักงานหลักไว้ให้ได้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ เพราะการปรับลดพนักงานในช่วงแรกจะเป็นการปลดผู้รับจ้างช่วง (Sub-contractor) ออกก่อน รวมถึงพนักงานที่ออกจากบริษัทเอง
ทั้งนี้ การประกาศลดจำนวนพนักงานครั้งใหญ่ของบีที กรุ๊ปเกิดขึ้นในขณะที่บริษัทรายงานผลกำไรประจำปีงบประมาณจนถึงเดือนเมษายน 2023 ลดลง 12% คิดเป็นจำนวนเงินถึง 1,700 ล้านปอนด์ หรือกว่า 72,600 ล้านบาท ส่วนหุ้นของบริษัทก็ร่วงลงมากกว่า 7% หลังจากที่ผลประกอบการต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้
ที่มาของข้อมูล BBC
ที่มาของภาพ Reuters