แม่น้ำสะแกกรังอุทัยธานี ทะลักท่วมวัดโบสถ์ บ้านเรือนริมน้ำเดือดร้อนหนัก
วันที่ 4 ตุลาคม 2564 ที่จังหวัดอุทัยธานี สถานการณ์น้ำในแม่น้ำสะแกกรังเริ่มวิกฤตอย่างหนัก หลังมวลน้ำจากแม่น้ำเจ้าพระยาวัดอัตราไหลผ่านที่สถานีวัดน้ำที่สถานี C2 ( เจ้าพระยา ) จังหวัดนครสวรรค์ ยังเกินกว่า 2,600 ลูกบาศก์เมตร ส่งผลให้ปริมาณน้ำหนุนเข้าแม่น้ำสะแกกรัง รวมทั้งมีการระบายน้ำจากเขื่อนวังร่มเกล้าลงสู่ท้ายเขื่อนเข้ามาสมทบในแม่น้ำสะแกกรังอย่างต่อเนื่อง จึงทำให้แม่น้ำสะแกกรังที่ไหลผ่านตัวเมืองอุทัยธานีสูงขึ้นเรื่อยๆ และค่อยๆทะลักเอ่อล้นตลิ่งมาอย่างต่อเนื่อง จนล่าสุดวันนี้สถานการณ์แม่น้ำสะแกกรังเริ่มวิฤตอย่างหนักแล้ว โดยเฉพาะโบราณสถานของวัดอุโปสถาราม หรือวัดโบสถ์ เช่นมณฑปแปดเหลี่ยม และท่าเทียบเรือโบราณ ที่สร้างขึ้นในรัชสมัยรัชกาลทื่ 5 ถูกน้ำท่วมสูงกว่า 1 เมตร รวมถึงภายในวัดทั่วบริเวณก็ถูกน้ำท่วมสูงเช่นกัน
และระดับน้ำที่สูงขึ้นและมีลักษณะไหลเชี่ยวแรง ทางวัดต้องชักลากแพโบสถ์น้ำที่สร้างในรัชสมัยรัชกาลที่ 5 เข้าหาฝั่งและผูกยึดให้แน่นป้องกันความเสียหาย รวมถึงเรือนแพอาศัยของชุมชนชาวแพ ก็ต้องชักรากเข้าฝั่งให้มากที่ที่สุดเพื่อป้องกันความเสียหายเช่นกัน
ส่วนบ้านเรือนของประชาชนที่มีบ้านเรือนอาศัยติดริมตลิ่ง และใกล้กับริมตลิ่งจำนวนมาก ตลอดแนวของฝั่งวัดโบสถ์ถูกน้ำท่วมสูงกว่า 1 เมตร ต้องอาศัยอยู่บนชั้น 2 ของบ้านต้องอยู่อาศัยกันอย่างยากลำบาก
ส่วนฝั่งตลาดริมน้ำยังไม่ส่งผลกระทบ ยังสามารถรับมือได้ปริมาณน้ำยังไม่เอ่อล้นเข้าท่วมตลาดแต่อย่างใด เนื่องจากมีเขื่อนคันกั้นน้ำที่สร้างป้องกันน้ำท่วมไว้อย่างถาวร ซึ่งเทศบาลเมืองได้จัดเจ้าหน้าที่เฝ้าระวังไว้ตลอด 24 ชม. พร้อมทั้งจัดเจ้าหน้าที่คอยผักดันกำจัดเศษสวะที่ลอยมากับน้ำเพื่อเปิดทางให้น้ำไหลสะดวก และไม่ติดค้างเป็นขยะและมลภาวะอย่างต่อเนื่อง อีกด้วย