เกาหลีใต้จ่ายทรัมป์ไม่ได้ เงินสด 11.2 ล้านล้านบาท เร่งหาทางเลือกอื่น

วี ซอง-ลัค ที่ปรึกษาด้านความมั่นคงแห่งชาติของเกาหลีใต้ ระบุเมื่อวันที่ 27 กันยายนว่า เกาหลีใต้ไม่สามารถจ่ายเงินลงทุนล่วงหน้า 3.5 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือมากกว่า 11.2 ล้านล้านบาทให้แก่สหรัฐฯ ได้ ตามที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ เสนอภายใต้ข้อตกลงการปรับลดภาษี และกำลังหาทางออกทางเลือกอื่นแทน 

ตั้งแต่การจับมือบรรลุข้อตกลงระหว่างผู้นำสหรัฐฯ และผู้นำเกาหลีใต้เมื่อเดือนกรกฎาคม เพื่อปรับลดภาษีศุลกากรของสหรัฐฯ จาก 25% เหลือ 15% เกาหลีใต้ได้ย้ำว่า เงินลงทุน 3.5 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ จะอยู่ในรูปแบบ เงินกู้ การค้ำประกันเงินกู้ และการลงทุนในหุ้น ไม่ใช่เงินสด

แต่ทรัมป์กล่าวเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมาว่า เกาหลีใต้จะต้องมอบการลงทุนดังกล่าว “แบบล่วงหน้า” แม้เกาหลีใต้ยืนยันว่าการจ่ายเงินสดจำนวนมหาศาลเช่นนั้นอาจทำให้เกาหลีใต้ที่มีขนาดเศรษฐกิจใหญ่อันดับ 4 ของเอเชียเข้าสู่ วิกฤตการเงิน

ที่ปรึกษาความมั่นคงแห่งชาติของเกาหลีใต้ กล่าวในรายการ Channel A News ว่า “จุดยืนของเกาหลีใต้นั้นไม่ใช่กลยุทธ์การเจรจา แต่เป็นข้อเท็จจริงที่เป็นไปได้ยากในทางปฏิบัติ เกาหลีใต้ไม่สามารถจ่าย 3.5 แสนล้านดอลลาร์เป็นเงินสดได้” เขาเสริมว่า เกาหลีใต้กำลังมองหาทางเลือกใหม่ และตั้งเป้าใช้เวทีการประชุมสุดยอดเอเปค (APEC) ที่เกาหลีใต้จะเป็นเจ้าภาพในเดือนหน้า ซึ่งคาดว่าทรัมป์จะเข้าร่วม ถือเป็นโอกาสในการปิดดีลการค้ากับสหรัฐฯ

เกาหลีใต้ได้ให้คำมั่นลงทุนในโครงการสหรัฐฯ ตั้งแต่เดือนกรกฎาคม แต่ปฏิเสธข้อเรียกร้องของสหรัฐฯ ที่ต้องการควบคุมการใช้เงินทุน ส่งผลให้การเจรจาเพื่อจัดทำข้อตกลงการค้าฉบับสมบูรณ์ยังชะงักงัน 

เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ประธานาธิบดีอี แจ-มย็อง ของเกาหลีใต้ กล่าวกับสำนักข่าวรอยเตอร์สว่า หากเกาหลีใต้ถูกบังคับให้จ่ายเงินก้อนใหญ่เช่นนั้นจริง โดยไม่มีมาตรการป้องกัน เช่น ข้อตกลงสวอปเงินตรา เศรษฐกิจเกาหลีใต้ซึ่งมีเงินทุนสำรองระหว่างประเทศ 4.1 แสนล้านดอลลาร์ หรือราว 13.2 ล้านล้านบาท ก็อาจพังทลายได้

ล่าสุด คู ยุน-ชอล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีกระทรวงการคลังของเกาหลีใต้ กล่าวเมื่อวันที่ 27 กันยายน หลังเดินทางกลับจากสหรัฐฯ ที่สนามบินอินชอนว่า เกาหลีใต้ "บรรลุข้อตกลงเรื่องอัตราแลกเปลี่ยนกับสหรัฐฯ แล้ว และเตรียมจะประกาศเรื่องนี้ในเร็วๆ นี้"