ยกระดับเข้มชายแดนไทย-มาเลเซีย ป้องโควิดสายพันธ์ใหม่ลอบเข้า

เมื่อวันที่ 11 พฤษภาคม รายงานข่าวว่าสถานการณ์ในพื้นที่ชายแดนไทยมาเลเซีย จ.สงขลา ขณะนี้เจ้าหน้าที่ยกระดับคุมเข้มพื้นที่ตลอดแนวชายแดนทั้ง 3 อำเภอ ทั้ง อ.สะเดา นาทวี และ อ.สะบ้าย้อย จัดกำลังทั้งตชด.437 และทหารหน่วยเฉพาะกรมกรมทหาราบที่ 5 ทหารร้อยร 5021 ซึ่งรับผิดชอบแนวพรมแดนไทยมาเลเซีย

รายงานข่าวว่า เจ้าหน้าที่ออกลาดตระเวนตรวจสอบพื้นที่ตลอดแนวรั้วชายแดนของทั้ง 3 อำเภอโดยเฉพาะในพื้นที่ป่าเขาซึ่งอาจถูกใช้เป็นช่องทางให้มีการลักลอบเข้ามาทั้งแรงงานไทยและแรงงานต่างด้าว เพื่อป้องกันการลักลอบเข้าเมืองโดยไม่ผ่านขั้นตอนการตรวจคัดกรองโควิด-19 และกักตัว 14 วัน และเป็นกลุ่มเสี่ยงที่นำพาโควิด-19 สายพันธุ์อินเดียและแอฟริกาใต้เข้ามาแพร่ระบาดในพื้นที่ชายแดน

หลังจากที่เมื่อวันที่ 9 พฤษภาคม สามารถจับกุมแรงงานต่างด้าวชาวเมียนมาที่ลักลอบเข้ามาทางชายแดนสะเดาได้ 10 คน และช่วงนี้ใกล้สิ้นสุดการถือศีลอดและเข้าสู่เทศกาลฮารีรายอในสัปดาห์นี้ อาจจะมีชาวไทยมุสลิมในมาเลเซียลักลอบเข้ามาโดยไม่ผ่านการตรวจโควิด-19

“มีการวางกำลังคุมเข้มชายแดนไทยมาเลเซีย3ชั้น ชั้นแรกลาดตระเวนริมรั้วชายแดน ชั้นที่2 ตั้งจุดตรวจจุดสกัดทั้งถนนสายหลักและสายรอง และชั้นที่3 ประสานฝ่ายปกครองเฝ้าดูแลตามหมู่บ้านตามแนวชายแดน”

สถานการณ์โควิด-19 ที่จ.สงขลา ยังคงพบผู้ป่วยเพิ่มทุกวันโดยวันนี้บวกเพิ่มอีก 20 คนรวมยอดสะสม 855 คน รักษาหายกลับบ้านได้ 514 คน รักษาตัวที่โรงพยาบาล 338 และเสียชีวิต 3 คน

นายจารุวัฒน์ เกลี้ยงเกลา ผู้ว่าราชการ จ.สงขลา กล่าวว่า ในที่ประชุมคณะกรรมการโรคติดต่อได้ประเมินสถานการณ์การแพร่ระบาดโควิด โดยเฉพาะการแพร่ระบาดของโควิดสายพันธ์ใหม่ที่กำลังระบาดในมาเลเซีย อาจจะมีคนติดเชื้อแล้ว ลักลอบเข้ามาทางช่องทางธรรมชาติ ได้สั่งการให้ปกครองทั้ง 3 อำเภอชายแดน อ.สะเดา นาทวี อ.สะบ้าย้อย ประสานกับฝ่ายความมั่นคง ยกระดับมาตรการป้องกันขั้นสูงสุดทั้ง 3 ชั้นหากมีการละเลยจะพิจารณาโทษทันที