‘พิพัฒน์’ เปิดช่องต่างชาติฉีดวัคซีนเที่ยวไทยไม่ต้องกักตัว นำร่อง 5 จังหวัดหลัก
นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา เปิดเผยว่า การเปิดรับนักท่องเที่ยวต่างชาติภายใต้แนวคิดวัคซีนพาสปอร์ต (Vaccine Passport) หรือการออกหนังสือเดินทางให้กับต่างชาติที่แสดงหลักฐานการฉีดวัคซีนแล้วของบุคคลนั้นๆ โดยความคืบหน้าขณะนี้กระทรวงการท่องเที่ยวฯ ได้ประสานกับกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) ซึ่งอยู่ระหว่างการติดตามประกาศมาตรฐานกลางขององค์การอนามัยโลก วนการออกมาตรการให้สอดรับกับมาตรฐานดังกล่าว เพื่อสร้างความเชื่อมั่นจากนักท่องเที่ยวต่างชาติ
อ่านข่าว
ส.ส.ปชป. โวย พังงาโดนเมินคิววัคซีน ‘โควิด-19’ ทั้งที่เป็นจังหวัดท่องเที่ยว
คึกคัก! หาดบางแสน ยามค่ำคืน นักท่องเที่ยว นั่งชิล ริมหาด
โดยกระทรวงการท่องเที่ยวฯ ยังคาดหวังว่าในปี 2564 จะมีนักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางเข้าไทยไม่ต่ำกว่า 5 ล้านคน ซึ่งเป็นเป้าหมายจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติทั้งปีที่ตั้งไว้ โดยระหว่างที่ต้องรอความชัดเจนของวัคซีนพาสปอร์ตให้กับต่างชาติที่ฉีดวัคซีนก่อนเดินทางเข้าไทยนั้น ขณะนี้กระทรวงการท่องเที่ยวฯ ได้ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินมาตรการเตรียมความพร้อมด้านอื่นๆ เพื่อรองรับนักท่องเที่ยวต่างชาติ โดยเฉพาะการปรับปรุงหน้าเว็บไซต์ของกระทรวงการท่องเที่ยวฯ ให้สามารถขอใบอนุญาตเดินทางเข้าประเทศไทย (Certificate of Entry : COE) ได้ เพื่ออำนวยความสะดวกในช่วงที่สามารถเปิดรับต่างชาติเข้ามาได้แล้วด้วย
“กระทรวงการท่องเที่ยวฯ เตรียมเสนอต่อที่ประชุมศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 หรือ ศบค. ให้มีการจัดทำแอเรียควอรันทีย หรือการเข้าเป็นที่กักตัวของรัฐในรูปแบบต่างๆ เพื่อรองรับความต้องการเที่ยวอย่างตรงจุด โดยจะให้นักท่องเที่ยวต่างชาติเข้ากักตัวที่โรงแรมเป็นเวลา 14 วัน แบ่งเป็นอยู่เฉพาะในห้องพัก 3 วันแรก ส่วนอีก 11 วันถัดมาสามารถออกมาใช้ชีวิตนอกห้องพักได้ แต่ยังต้องอยู่ภายในบริเวณโรงแรมเท่านั้น ซึ่งมั่นใจว่ารูปแบบ แอเรียควอรันทีน จะได้รับการอนุมัติจาก ศบค.ภายในเดือนมีนาคมนี้ และดึงดูดนักท่องเที่ยวต่างชาติที่สนใจบินมาเที่ยวไทยได้ทันที เพราะประเทศไทยยังเป็นประเทศที่มีต่างชาติต้องการเข้ามาท่องเที่ยวเป็นจังหวัดแรกๆ หลังจากประกาศเปิดน่านฟ้าแน่นอน โดยเฉพาะการที่แอเรียควอรันทีนมีราคาถูกกว่าการเข้ามาแบบวิลล่าควอรันทีนด้วย” นายพิพัฒน์ กล่าว
สำหรับโรงแรมที่แสดงความต้องการและสมัครเข้าร่วมเป็นแอเรียควอรันทีน ขณะนี้พบกระจายอยู่ใน 5 เมืองท่องเที่ยวหลัก ได้แก่ 1.ภูเก็ต 24 แห่ง คิดเป็นจำนวน 2,752 ห้อง 2.ชลบุรี 16 แห่ง จำนวน 2,522 ห้อง 3.กระบี่ 7 แห่ง จำนวน 1,024 ห้อง 4.เชียงใหม่ 1 แห่ง จำนวน 130 ห้อง และ 5.สุราษฎร์ธานี (เกาะสมุย) 10 แห่ง จำนวน 288 ห้อง คิดเป็นจำนวนห้องพักทั้งหมด 6,500 ห้อง รวมพนักงานโรงแรม 13,000 คน ซึ่งเป็นหนึ่งในกลุ่มที่กระทรวงการท่องเที่ยวฯ ได้เสนอให้ฉีดวัคซีนก่อนเป็นกลุ่มแรกๆ
โดยกระทรวงการท่องเที่ยวฯ ประเมินว่าชาติแรกที่น่าจะมาพักแอเรีย ควอรันทีน คือรัสเซีย เนื่องจากมีบริษัทนำเที่ยวของรัสเซียแจ้งความประสงค์มาว่ามีความต้องการเที่ยวบินเช่าเหมาลำ (ชาร์เตอร์ไฟลต์) จากรัสเซียมาภูเก็ต วันละ 2 เที่ยวบิน เที่ยวบินละ 300-400 คน ครอบคลุมทั้งนักท่องเที่ยวกลุ่มพักผ่อนทั่วไปเดินทางเดี่ยวๆ และกรุ๊ปทัวร์ ส่วนอีกชาติที่มีดีมานด์เดินทางเข้าไทยเช่นกันคืออินเดีย โดยเฉพาะกลุ่มจัดงานแต่งงานซึ่งใช้จ่ายสูงมาก
นายนภินทร ศรีสรรพางค์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงการท่องเที่ยวฯ กล่าวว่า เป้าหมายจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติในปีนี้ เพื่อผลักดันให้ถึงเป้าที่ 5 ล้านคน จะพยายามให้มีการฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-19 แก่คนในพื้นที่เมืองท่องเที่ยวหลักซึ่งรับลูกค้านักท่องเที่ยวต่างชาติเป็นหลัก โดยวัคซีนเข้าไทยลอตแรก 2 แสนโดสเมื่อวันที่ 24 กุมภาพันธ์ ที่ผ่านมา กระทรวงการท่องเที่ยวฯ ได้ขอกันวัคซีนส่วนหนึ่งแก่พนักงานโรงแรมและบริการท่องเที่ยวใน 4 จังหวัดท่องเที่ยวหลัก ได้แก่ ภูเก็ต, ชลบุรี (พัทยา), สุราษฎร์ธานี และเชียงใหม่ จำนวน 5 หมื่นโดส โดยจะฉีดให้ผู้ประกอบการและพนักงานโรงแรมที่เข้าร่วมเป็นแอเรียควอรันทีนก่อน
ส่วนแผนการจัดหาวัคซีนลอต 2 ของไทยที่จะเข้ามาในช่วงไตรมาส 3 นี้ กระทรวงการท่องเที่ยวฯได้ขอให้ทาง สธ.ช่วยกันวัคซีนจำนวน 5 ล้านโดส สำหรับประชากร 2.5 ล้านคนใน 5 จังหวัดท่องเที่ยวหลัก รวมกระบี่กับ 4 จังหวัดข้างต้น โดยยังรอคำตอบจาก สธ.อยู่ว่าจะให้วัคซีนตามจำนวนที่ขอไปหรือไม่ แต่จากการหารือพบว่าเป็นไปได้ดีมาก
กระทรวงการท่องเที่ยวฯ จะเป็นเจ้าภาพตั้งคณะทำงานดึงนักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางเข้าสู่ประเทศไทย มีตัวแทนจากกระทรวงการต่างประเทศ มหาดไทย สธ. และภาคเอกชนเข้าร่วม โดยคณะทำงานฯมีแนวคิดว่า หากประชากรใน 5 จังหวัดท่องเที่ยวหลักดังกล่าวสามารถเข้าถึงวัคซีนจำนวน 5 ล้านโดสในลอต 2 ตามเป้าหมายที่ขอไว้ จะช่วยดึงนักท่องเที่ยวต่างชาติจากประเทศที่มีความเสี่ยงต่ำ ซึ่งได้รับการฉีดวัคซีนแล้วและประเทศต้นทางแล้ว มีนโยบายให้เดินทางออกนอกประเทศได้ เข้ามาท่องเที่ยวและจับจ่ายในพื้นที่ 5 จังหวัดนี้ได้โดยไม่ต้องกักตัว
แต่หลักสำคัญคือ ต้องได้รับการยินยอมจากชาวบ้านเจ้าของพื้นที่ ซึ่งประเมินว่า หากมีการเร่งฉีดวัคซีนให้คนในพื้นที่ น่าจะช่วยให้มีการยอมรับนักท่องเที่ยวต่างชาติมาเที่ยวแบบไม่ต้องกักตัวได้ โดยหากทำตามแนวทางนี้ ก็มีความเป็นไปได้ที่จะเห็นการเปิดประเทศรับนักท่องเที่ยวต่างชาติอย่างเร็วที่สุด เพราะหากรอมาตรฐานกลางเรื่องการออกวัคซีนพาสปอร์ตจากดับเบิ้ลยูทีโอคาดว่าต้องรอประมาณไตรมาส 2/2565