รีเซต

โรคติดเชื้อโควิดในไทย ผู้ชายมีอัตราป่วยตายมากกว่าหญิง4เท่า

โรคติดเชื้อโควิดในไทย ผู้ชายมีอัตราป่วยตายมากกว่าหญิง4เท่า
TNN ช่อง16
17 เมษายน 2563 ( 19:47 )
67
วันนี้ (17เม.ย.63) นพ.โสภณ เอี่ยมศิริถาวร ผู้อำนวยการกองโรคติดต่อทั่วไป เปิดเผยว่า สถานการณ์โรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) ในประเทศไทย ตั้งแต่ 4 มกราคม – 17 เมษายน 2563 มีผู้ป่วย 2,700 ราย เสียชีวิต 47 ราย คิดเป็นอัตราป่วยตายร้อยละ 1.7 ต่ำกว่าอัตราป่วยตายของทั่วโลกซึ่งอยู่ที่ร้อยละ 6 ถึง 4 เท่า และพบว่าเพศชายมีอัตราป่วยตายมากกว่าเพศหญิง 4 เท่า เนื่องจากมีพฤติกรรมเสี่ยงมากกว่า ผู้เสียชีวิตส่วนใหญ่มีโรคประจำตัว ได้แก่ โรคเบาหวาน ความดันโลหิตสูง ไขมันในเลือดสูง โรคหัวใจ ไต ภาวะอ้วน เป็นต้น แต่บางรายไม่มีโรคประจำตัว ดังนั้นทุกคนจึงไม่ควรประมาท

นพ.โสภณ กล่าวต่อว่า ขอให้ประชาชนดูแลสุขภาพอนามัยของตนเอง ปฏิบัติตามคำแนะนำของ กระทรวงสาธารณสุขอย่างเคร่งครัด ได้แก่ การสวมหน้ากากผ้าหรือหน้ากากอนามัย หมั่นล้างมือบ่อยๆ หลีกเลี่ยงไปในพื้นที่เสี่ยง และเว้นระยะห่างทางสังคม หากปฏิบัติได้จะช่วยลดโอกาสการแพร่เชื้อได้เป็นอย่างดี โดยเฉพาะกับผู้สูงอายุซึ่งเป็นกลุ่มเสี่ยงที่มีโอกาสเสียชีวิตได้ง่าย จากสถิติพบว่า กลุ่มผู้สูงอายุที่มีอายุมากกว่า 70 ปี มีอัตราป่วยตายถึงร้อยละ 12.1 จึงเป็นกลุ่มที่ต้องได้รับการปกป้องให้ปลอดภัย
 
อย่างไรก็ตาม วิธีป้องกันการติดเชื้อโควิด-19 ที่ดีที่สุดคือ ต้องระวังตนเองไม่ให้ป่วย
 
สำหรับตัวเลขการติดเชื้อโควิด-19 ของบุคลากรทางการแพทย์ในประเทศ ข้อมูล ณ วันที่ 14 เมษายน 2563 พบ 99 ราย เพศหญิง 71 ราย และเพศชาย 28 ราย โดยพบความเสี่ยงในการติดเชื้อ 2 รูปแบบคือ การติดเชื้อขณะปฏิบัติหน้าที่ในโรงพยาบาล จากการให้การดูแลและรักษาผู้ป่วย ร้อยละ 73.68 สัมผัสเพื่อนร่วมงานที่ติดเชื้อในโรงพยาบาล ร้อยละ15.7 ซักประวัติและคัดกรองผู้ป่วยร้อยละ 2.63 อีกร้อยละ 3 ติดจากการปฏิบัติงานไม่สามารถระบุได้ชัดเจน และการติดเชื้อในขณะใช้ชีวิตประจำวันทั่วไป

ดังนั้นสิ่งสำคัญที่บุคลากรทางการแพทย์ต้องปฏิบัตินอกจากป้องกันตนเองในขณะปฏิบัติงานแล้ว ควรป้องกันขณะดำเนินชีวิตประจำวัน เช่น สวมหน้ากากอนามัยหรือหน้ากากผ้า หมั่นล้างมือและรักษาระยะห่างกับผู้อื่น และขอความร่วมมือประชาชนให้แจ้งข้อมูลหรือประวัติความเสี่ยง  ซึ่งมีความสำคัญที่จะช่วยลดโอกาสการแพร่กระจายเชื้อสู่บุคลากรทางการแพทย์
 
 
เกาะติดข่าวที่นี่
website: www.TNNThailand.com 
facebook : TNNThailand
twitter : @TNNThailand
Line : @TNNThailand
Youtube Official : TNNThailand

ยอดนิยมในตอนนี้

แท็กยอดนิยม

ข่าวที่เกี่ยวข้อง