รีเซต

โควิด-19 : จีนตำหนิทรัมป์หลังหลังยื่นคำขาดให้ WHO ปรับปรุงการทำงานในภาวะโรคระบาด

โควิด-19 : จีนตำหนิทรัมป์หลังหลังยื่นคำขาดให้ WHO ปรับปรุงการทำงานในภาวะโรคระบาด
บีบีซี ไทย
19 พฤษภาคม 2563 ( 21:44 )
105
Getty Images
นายทรัมป์ยังกล่าวหา WHO ว่าไม่เป็นอิสระจากจีนจนน่าตกใจ

จีนตอบโต้กรณีที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐฯ ยื่นจดหมายให้ผู้นำองค์การอนามัยโลก (WHO) พร้อมขู่หยุดให้เงินอุดหนุนถาวร

เว็บไซต์ แอลแอไทม์ส รายงานว่า นายจ้าว ลี่เจียน โฆษกกระทรวงต่างประเทศของจีนบอกว่า จดหมายของนายทรัมป์เต็มไปด้วยการคาดคะเน และเป็นการพยายามดึงความสนใจของสาธารณชนด้วยการป้ายสีจีน เพื่อลดการถูกวิจารณ์เรื่องการทำงานของรัฐบาลตนเอง เขาบอกด้วยว่าการให้เงินอุดหนุนเป็นการตัดสินใจร่วมของรัฐสมาชิกทั้งหมด และสหรัฐฯ มีพันธะผูกพันต้องจ่ายเต็มจำนวน

"การตัดสินใจโดยพลการว่าจะหยุดความสนับสนุนทางการเงินต่อองค์การระหว่างประเทศ เป็นการทำตามอำเภอใจเพียงฝ่ายเดียว" เขาบอก และเรียกร้องให้สหรัฐฯ หยุดปัดความรับผิดชอบ และให้ความร่วมมือกับนานาชาติให้มากกว่านี้

จดหมายฉบับดังกล่าวส่งถึงนาย เทดรอส อาดานอม เกเบรเยซัส ผู้อำนวยการใหญ่ WHO วิจารณ์การทำงานขององค์การในการรับมือภาวะโรคระบาดที่เกิดขึ้นตั้งแต่เดือนธ.ค. ปีที่แล้ว พร้อมระบุเส้นตาย 30 วันให้ WHO "ปรับปรุงตัวครั้งใหญ่" มิฉะนั้นสหรัฐฯ จะยกเลิกการให้เงินสนับสนุนหลายล้านดอลลาร์สหรัฐฯ และถอนตัวจากการเป็นสมาชิกด้วย

วานนี้ (18 พ.ค.) สหรัฐฯ บอกว่า WHO "เป็นหุ่นเชิดของจีน" ด้วย

สหรัฐฯ มีรายงานผู้ติดเชื้อกว่า 1.5 ล้านคน จากจำนวนผู้ติดเชื้อราว 4.8 ล้านคน ทั่วโลก และมีผู้เสียชีวิตกว่า 9 หมื่นราย

การยื่นคำขาดของนายทรัมป์ มีขึ้นในช่วงที่ WHO กำลังถูกกดกันจากทั่วโลก ที่การประชุมสมัชชาองค์การอนามัยโลกเมื่อวานนี้ ดร. เทดรอส สนับสนุนการตรวจสอบการทำงานขององค์การ และบอกว่า "การประเมินอย่างเป็นอิสระจะเกิดขึ้นในช่วงเวลาที่เหมาะสมที่สุด"

เนื้อความในจดหมายว่าอย่างไรบ้าง

นายทรัมป์เผยแพร่จดหมายฉบับดังกล่าวผ่านทางทวิตเตอร์เมื่อคืนวันจันทร์ หลังจากการประชุมสมัชชาองค์การอนามัยโลก

ในที่ประชุมสมัชชา นายอเล็กซ์ อาซาร์ รัฐมนตรีสาธารณสุข สหรัฐฯ กล่าวหา WHO ว่าปล่อยให้โรคแพร่ระบาดจนควบคุมไม่ได้ และคร่าชีวิตผู้คนไปมากมาย

https://twitter.com/realDonaldTrump/status/1262577580718395393

นอกจากนี้ นายทรัมป์ยังกล่าวหา WHO ว่าไม่เป็นอิสระจากจีนจนน่าตกใจ และบอกด้วยว่าเพิกเฉยต่อสิ่งที่เขาระบุว่าเป็น "รายงานที่เชื่อถือได้หลายฉบับ" เกี่ยวกับการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ในเมืองอู่ฮั่นของจีน ช่วงต้นเดือน ธ.ค. หรือก่อนหน้านั้น นายทรัมป์ยังกล่าวหาจีนหลายครั้งว่าล้มเหลวในการจัดการกับโรคระบาด

ทางการจีนปฏิเสธข้อกล่าวหาลักษณะนี้มาโดยตลอด ก่อนหน้านี้ กระทรวงต่างประเทศจีนบอกว่า จีนให้ความร่วมมือและสื่อสารกับ WHO อย่างดีมาตลอด และไม่เคยพยายามชักจูงองค์การนี้

เนื้อความอื่นในจดหมาย นายทรัมป์ยัง

  • อ้างถึงรายงานว่า WHO ประกาศภาวะฉุกเฉินล่าช้า เพราะถูกกดกันจากประธานิบดีสี จิ้นผิง ของจีน
  • วิจารณ์การที่ WHO ชื่นชมความโปร่งใสของจีน ทั้งที่มีการปิดปังข้อมูลและขาดการประสานงานกับนานาชาติ
  • กล่าวหา WHO ว่าล้มเหลวในการแสดงความเห็นเรื่องการถูกเลือกปฏิบัติของชาวแอฟริกันในจีน
  • บอกว่า ถ้าดร. เทดรอสไม่ได้ทำเหมือนที่ดร. ฮาร์เล็ม บรันดท์แลนด์ ผอ. WHO ช่วงสถานการณ์โรคซาร์ส ในปี 2003 ก็คงช่วยชีวิตคนได้จำนวนมาก

โดยรวมแล้ว นายทรัมป์กล่าวหา ดร.เทดรอสว่าทำผิดซ้ำ ๆ และ WHO เป็นบทเรียนราคาแพงของโลก "ทางเดียวที่จะก้าวไปข้างหน้าได้คือ WHO ต้องแสดงให้เห็นได้จริง ๆ ว่าเป็นอิสระจากจีน" เขาระบุในจดหมาย

ท้ายที่สุด เขาเรียกร้องให้ WHO มุ่งมั่น "ปรับปรุงตัวครั้งใหญ่" ภายในเวลา 30 วัน แต่เขาไม่ได้ลงรายละเอียดว่าหมายถึงอะไร

Reuters

หากไม่มีการเปลี่ยนแปลงตามนี้ สหรัฐฯ จะหยุดให้เงินอุดหนุนเป็นการถาวร และจะทบทวนอีกครั้งว่าจะยังเป็นสมาชิกของ WHO หรือไม่

เดือนที่แล้วสหรัฐฯ ซึ่งเป็นผู้สนับสนุนรายใหญ่ที่สุดของ WHO ประกาศระงับการให้เงินอุดหนุนชั่วคราว ปีที่แล้วเงินอุดหนุนจากสหรัฐฯ คิดเป็นเกือบ 15% ของเงินอุดหนุนทั้งหมดที่ WHO ได้รับ

การประชุมสมัชชาองค์การอนามัยโลกเป็นประชุมประจำปี ในปีนี้จัดให้เป็นการประชุมเสมือนจริง ระหว่างวันที่ 18-19 พ.ค. จนถึงตอนนี้ ข้อถกเถียงส่วนมากเป็นประเด็นเรื่องบทบาทของ WHO และข้อเรียกร้องให้มีการตรวจสอบแผนการรับมือภาวะโรคระบาดนี้ นอกจากนี้ มีมติที่จะทำให้ประเทศยากจนสามารถเข้าถึงวัคซีนหรือการรักษาโรคโควิด-19 ซึ่งได้รับการพัฒนาโดยผู้ผลิตเอกชนได้

ประธานาธิบดีสี จิ้นผิง กล่าววานนี้ว่า วัคซีนที่พัฒนาโดยจีนจะเป็นของคนทั่วโลก และรับรองว่าวัคซีนจะหาซื้อได้ง่ายและมีราคาที่เอื้อมถึงสำหรับประเทศกำลังพัฒนา

นสพ. เดอะไฟแนนเชียล ไทม์ส รายงานว่าสหรัฐฯ กำลังวางแผนว่าจะไม่เอาด้วยกับแผนข้อตกลงนี้ อย่างไรก็ตาม คาดว่ามตินี้จะผ่านความเห็นชอบแม้สหรัฐฯ จะคัดค้านก็ตาม

ข่าวที่เกี่ยวข้อง