TISCO จับตา Q1/67 อีกไตรมาสที่ไม่สดใส โบรกฯ แนะถือจากปันผลน่าสนราว 8%
#ทันหุ้น - บล.ฟินันเซีย ไซรัส ส่องหุ้น TISCO ยังไม่เห็นว่าธุรกิจมีการเปลี่ยนแปลงอย่างมีนัยสำคัญ โดยกลุ่มธุรกิจที่ให้ผลตอบแทนสูงยังคงเป็นปัจจัยหนุนที่สำคัญใน Q1/67 ทั้งนี้ คาดว่ากำไรสุทธิ Q1/67 จะปรับตัวลดลงโดยมีปัจจัยถ่วงจากธุรกิจหลักที่ชะลอตัวและการเสื่อมของคุณภาพสินทรัพย์ คงคำแนะนำ "ถือ" จากผลตอบแทนในรูปเงินปันผลที่น่าสนใจที่ 8% ต่อปี
คาดกำไร Q1/67 จะปรับตัวลดลงตามสภาวะธุรกิจ ฝ่ายวิจัยคาดกำไรสุทธิ Q1/67 ที่ 1.76พัน ลบ. (-0.9% q-q, -1.6% y-y) คิดเป็น 26% ของประมาณการกำไรสุทธิทั้งปีของฝ่ายวิจัยโดยภาพรวมผลการดำเนินงานใน Q1/67 น่าจะยังไม่เปลี่ยนแปลงจากปี 2566 ปัจจัยหนุนสำคัญยังคงเป็นธุรกิจที่ให้ผลตอบแทนสูง (18%) ประกอบด้วยสินเชื่อทะเบียนรถ สินเชื่อเช่าซื้อรถยนต์มือสองและรถจักรยานยนต์ ในขณะที่ธุรกิจที่ให้ผลตอบแทนต่ำ (49%)
ประกอบด้วยสินเชื่อเช่าซื้อรถยนต์ใหม่ และที่อยู่อาศัยหดตัวตามนโยบายการปล่อยสินเชื่อที่เข้มงวด ด้วยเหตุดังกล่าวสินเชื่อบรรษัท (25%) และสินเชื่อ SME (6%) จึงเป็นปัจจัยกำหนดการเติบโตโดยประเภทแรกคาดค่อนข้างทรงตัว q-q และประเภทที่สองคาดเติบโต 9% q-q ส่วนต่างดอกเบี้ย (NIM) คาดลดลงต่อเนื่องส่วนมากจากต้นทุนในการกู้ยืมที่สูงขึ้นซึ่งตรงกันข้ามกับผลตอบแทนสินเชื่อ ซึ่งน่าจะปรับขึ้นไม่ได้หลังวงจรดอกเบี้ยขาขึ้นสิ้นสุดลง
รายได้ที่ไม่ใช่ดอกเบี้ยสุทธิ (Non-NII) เป็นอีกปัจจัยที่คาดว่าจะออกมาไม่น่าประทับใจ ส่วนมากจากค่าธรรมเนียมจากการปล่อยสินเชื่อที่ลดลงหลังปัจจัยด้านฤดูกาลใน Q4 ในทางตรงกันข้ามค่าธรรมเนียมที่เกี่ยวข้องกับตลาดทุนน่าจะเพิ่มเล็กน้อยตามสภาวะตลาดที่เอื้ออำนวยมากขึ้น ในส่วนรายได้จากการดำเนินงานหลักที่ลดลง ฝ่ายวิจัยคาดว่าธนาคารฯ จะบริหารค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานผันแปรให้อยู่ในระดับต่ำ พร้อมสัดส่วนค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานต่อรายได้ (Cost to-income ratio) ที่คาดว่าจะจบที่ 48.1% ใน Q1/67
คุณภาพสินทรัพย์มีแนวโน้มเสื่อมลงต่อเนื่อง จากนโยบายที่เน้นในธุรกิจที่ให้ผลตอบแทนสูง คุณภาพสินทรัพย์จึงมีแนวโน้มที่จะเสื่อมลงต่อเนื่อง ฝ่ายวิจัยคาดว่าสัดส่วนหนี้ด้อยคุณภาพ (NPL ratio) จะเพิ่มเป็น 2.30% ใน Q1/67 จาก 2.22% ใน Q4/66 ตามเป้าประมาณการของธนาคารฯ ในปี 2567 ที่ 2.50-2.75% นอกจากนี้ฝ่ายวิจัยยังคาดด้วยว่าต้นทุนความเสี่ยงในการปล่อยสินเชื่อ (Credit costs) ใน Q1/67 จะขึ้นเป็น 44.2bp จาก 42.9bp ใน Q4/66 ซึ่งจะทำให้สัดส่วนสำรองต่อหนี้ด้อยคุณภาพ (Coverage ratio) ลดลงเหลือ 180% จาก 190% ใน Q4/66
ขาดปัจจัยหนุนการเติบโตในปี 2567 ฝ่ายวิจัยคงประมาณการกำไรปี 2567-69 โดยคาดว่ากำไรสุทธิจะลดลง 7.8% y-y ในปี 2567 ก่อนปรับขึ้น 0.8% y-y และ 0.4% y-y ในปี 2568-69 ตามลำดับ ปัจจัยถ่วงสำคัญน่าจะอยู่ที่การเติบโตที่ชะลอตัวในพอร์ตหลักกล่าวคือสินเชื่อเช่าซื้อ อย่างไรก็ดีฝ่ายวิจัยอาจมีมุมมองเป็นบวกมากขึ้นถ้าอัตราดอกเบี้ยในตลาดมีแนวโน้มปรับตัวลดลงต่อเนื่อง
คงคำแนะนำถือ แม้ว่าจะไม่มี Upside หุ้นมีผลตอบแทนในรูปเงินปันผลที่น่าสนใจถึง 8% ต่อปี ราคาเป้าหมายในปี 2567 ของฝ่ายวิจัยอยู่ที่ 97 บาท (GGM) คิดเป็นค่า P/BV อยู่ที่ 1.79x (L-T ROE 16% และ COE 9.4%)