วุ่นทั้งตลาด สาวถือคัตเตอร์ พ้อปัญหาชีวิต กล่อมก็ไม่ยอม โชคดีพลเมืองดีรุดช่วยทัน
เมื่อวันที่ 11 มิถุนายน ศูนย์วิทยุสื่อสารสภ.เมืองตรัง ได้รับแจ้งเหตุจากเจ้าหน้าที่ตำรวจสายตรวจจราจร ว่ามีหญิงสาวสติไม่สมประกอบ เดินถือมีดคัตเตอร์ทำร้ายตัวเองตลอดเวลา บนถนนพระราม 6 ต.ทับเที่ยง อ.เมืองตรัง และเดินเข้าไปภายในตลาดเซ็นเตอร์พ้อย ติดกับศาลากลาง จ.ตรัง พร้อมทั้งบ่นพร่ำตัดพ้อชีวิตและจะฆ่าตัวเองอยู่ตลอดเวลา ก่อนจะประสานกำลังตำรวจสายตรวจอินทรีย์ กำลังตำรวจจราจรกว่า 10 นาย และเจ้าหน้าที่หน่วยกู้ภัยมูลนิธิกุศลสถานตรัง ตรวจสอบเป็นการเร่งด่วนถึงภายในตลาดมีประชาชน จับจ่ายซื้อของอยู่เป็นจำนวนมาก ต่างตื่นตกใจ และผวากับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
ที่เกิดเหตุ พบหญิงสาวทราบภายหลังคือ น.ส.เอ (นามสมมุติ) อายุ 30 ปี ภูมิลำเนาเดิมเป็นชาว อ.ป่าบอน จ.พัทลุง ในสภาพร่างอาบเลือด สวมเสื้อยีดสีน้ำเงิน นุ่งกางเกงยีนส์ขายาว สภาพเนื้อตัวมอมแมม เดินถือมีดคัตเตอร์ทำร้ายตัวเองอยู่ ก่อนที่ชาวบ้านที่มาจับจ่ายซื้อของคือ นายพิเชษฐ์ โมรา อายุ 52 ปี พลเมืองดีเข้ามัดตัวและชิงมีดออกมา ก่อนที่จะพบบาดแผลถูกเชือดด้วยมีดคัตเตอร์ จำนวน 2 เล่ม เข้าที่บริเวณลำคอ บริเวณข้อมือ ทำให้เลือดออกเป็นจำนวนมาก ซึ่งหญิงสาวได้บ่นตลอดเวลา จับใจความได้ว่า พ่อแม่ไม่เอาแล้ว ขอยอมตาย พ่อแม่ก็จะฟันให้ตายเลยต้องหนีมา เจ้าหน้าจึงทำการพูดกล่อม ก่อนที่กู้ภัยจะปฐมพยาบาลเบื้องต้น และนำส่งรักษาที่้ รพ.ตรัง
นายพิเชษฐ์ โมรา อายุ 52 ปี เล่าว่า ตนมาเดินซื้อของอยู่ในตลาด ก็เห็นหญิงรายดังกล่าวเดินผ่านไปใช้มีจี้อยู่ที่คอ และกรีดแขนกรีดคอ เลือดไหลพร้อมทั้งมีพ่อค้าแม่ค้ารวมทั้งคนที่มาจับจ่ายซื้อของตะโกนให้หลีกๆ เพราะกลัวว่า จะถูกทำร้าย ตนจึงเดินตาม ทำให้ระหว่างที่หญิงสาวหันหลัง จึงเข้าไปมัดตัว จับมือไขว้หลัง และชิงมีดออกมา ซึ่งหญิงรายดังกล่าวบ่นตลอดเวลา ว่าผิดหวังในชีวิต และมีปัญหาทางบ้าน ท้อแท้ในชีวิตหางานไม่ได้ ไม่มีใครให้งานทำ ตนจึงตัดสินใจเข้าช่วยเหลือก่อนในสถานการณ์ตรงนั้น ทำยังไงก็ได้ให้นำมีดออกมาให้ได้
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หญิงสาวคนดังกล่าวมาอยู่ที่ จ.ตรัง เป็นเวลาหลายเดือนแล้ว ซึ่งมาเป็นคนเร่ร่อน มีสติไม่สมประกอบและเป็นผู้ป่วยจิตเวช ก่อนหน้านี้มีอาการคลุ้มคลั่งหลายครั้งแล้ว แต่ไม่มีอาวุธ ซึ่งเมื่อหลายเดือนที่ผ่านมาได้ถูกเจ้าหน้าที่กู้ภัยและตำรวจจับส่งรักษาตัวที่โรงพยาบาลมีประวัติการรักษา ก่อนจะถูกปล่อยออกมาหลังรักษา และมาก่อพฤติกรรมดังกล่าวขึ้น