รีเซต

“ถ้าคนไม่เก่ง ประเทศไปไม่ไหว” เอกสิทธิ์ ชูอัพสกิลแรงงานทั้งระบบ

“ถ้าคนไม่เก่ง ประเทศไปไม่ไหว” เอกสิทธิ์ ชูอัพสกิลแรงงานทั้งระบบ
TNN ช่อง16
31 ธันวาคม 2568 ( 22:46 )
14

ประสบการณ์ภาคธุรกิจ จุดตั้งต้นสู่การเมือง

เอกสิทธิ์มองว่าปัญหาหลักของประเทศตลอดหลายปีที่ผ่านมา คือการขาดผู้นำที่มีความเชี่ยวชาญแก้ปัญหาเศรษฐกิจและความเหลื่อมล้ำอย่างเป็นระบบ ประสบการณ์จากภาคธุรกิจทำให้มองเห็นปัญหานายจ้าง–ลูกจ้างจริงในพื้นที่ ตั้งแต่ความขัดแย้งในสถานประกอบการ ไปจนถึงโครงสร้างแรงงานที่ไม่เอื้อต่อการเติบโตของประเทศ

บทบาทที่ผ่านมา ทั้งในฐานะผู้บริหาร ประธานนิคมอุตสาหกรรม และประธานสภาองค์การนายจ้างแห่งประเทศไทย ทำให้มีส่วนร่วมโดยตรงกับการสร้างงาน การดูแลแรงงาน และการพัฒนาทักษะบุคลากร ซึ่งถูกนำมาต่อยอดเป็นนโยบายทางการเมือง

ค่าแรงขั้นต่ำต้องเดินคู่การพัฒนาทักษะ

ประเด็นค่าแรงขั้นต่ำถูกหยิบยกขึ้นมาหารืออย่างตรงไปตรงมา เอกสิทธิ์ยืนยันว่า การปรับขึ้นค่าแรงเป็นเรื่องจำเป็น แต่ไม่ควรหยุดอยู่เพียงตัวเลขบนกระดาษ หากไม่มีการอัพสกิลและรีสกิลแรงงานควบคู่กัน

แนวคิดสำคัญคือ การยกระดับคุณภาพแรงงานให้สอดคล้องกับเศรษฐกิจยุคใหม่ เพื่อให้รายได้ที่เพิ่มขึ้นมาจากผลิตภาพที่สูงขึ้น ไม่ใช่ภาระต้นทุนฝ่ายเดียว พร้อมตั้งข้อสังเกตว่า แรงงานไทยจำนวนไม่น้อยมีรายได้สูงกว่าค่าแรงขั้นต่ำอยู่แล้ว แต่ประเทศยังขาดแรงงานทักษะเฉพาะในการแข่งขันกับเพื่อนบ้าน

สร้างคน สร้างงาน ฟื้นความมั่นใจลงทุน

เอกสิทธิ์อธิบายกรอบนโยบายหลักไว้ 3 เรื่อง คือ สร้างคน สร้างงาน และสร้างความเชื่อมั่นให้การลงทุน หากพัฒนาคนโดยไม่สร้างงานรองรับ ผลลัพธ์ย่อมไม่ยั่งยืน ประเทศไทยจำเป็นต้องดึงการลงทุนใหม่เข้ามา เพื่อรองรับแรงงานที่ผ่านการพัฒนาทักษะแล้ว

ความไม่ชัดเจนทางกฎหมาย ภาพลักษณ์คอร์รัปชัน และความผันผวนทางการเมืองในช่วงที่ผ่านมา ถูกมองว่าเป็นอุปสรรคสำคัญต่อการตัดสินใจลงทุน หน้าที่ของรัฐบาลในมุมมองนี้ คือการสร้างความชัดเจนและเสถียรภาพให้กลับคืนมา

จุดแข็งประเทศไทยในสายตานักลงทุนโลก

เมื่อมองในเวทีภูมิภาค เอกสิทธิ์เห็นว่า ประเทศไทยยังได้เปรียบทั้งด้านที่ตั้ง ค่าแรง การขนส่ง และโครงสร้างพื้นฐาน หากสามารถจัดการปัญหาภายใน โดยเฉพาะอาชญากรรมข้ามชาติและสแกมเมอร์ที่บั่นทอนความเชื่อมั่น นักลงทุนจะกลับมาอีกครั้ง

บทเรียนตรงจากปัญหา Call Center

ปัญหา Call Center และสแกมเมอร์ ถูกยกเป็นตัวอย่างจากประสบการณ์ตรงในช่วงดำรงตำแหน่งเลขานุการรัฐมนตรี เอกสิทธิ์เล่าว่า เริ่มพบสัญญาณปัญหาตั้งแต่ยังไม่เป็นข่าวใหญ่ มีผู้ร้องเรียนเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง ก่อนขยายตัวเป็นเครือข่ายข้ามชาติ

สถานการณ์ปัจจุบันถูกมองว่าน่ากังวลยิ่งขึ้น เนื่องจากเทคโนโลยีสามารถปลอมเสียง ปลอมภาพ และใช้ AI หลอกลวงได้อย่างแนบเนียน ทำให้ประชาชนจำนวนมากรู้ไม่เท่าทัน

วัคซีนความรู้ และความร่วมมือระหว่างประเทศ

แนวทางแก้ไขในมุมมองนี้ คือการสร้าง “วัคซีนทางดิจิทัล” ให้ประชาชน ผ่านการให้ความรู้ต่อเนื่อง ควบคู่การบังคับใช้กฎหมายอย่างจริงจัง พร้อมย้ำว่า ปัญหาอาชญากรรมไซเบอร์ไม่ใช่เรื่องของประเทศใดประเทศหนึ่ง แต่ต้องอาศัยความร่วมมือระดับภูมิภาคและนานาชาติ

เอกสิทธิ์ทิ้งท้ายว่า หากพรรคปวงชนไทยได้เป็นรัฐบาล การรีเซ็ทประเทศจะเริ่มจากการสร้างคนที่มีคุณภาพ สร้างงานที่มั่นคง และสร้างสภาพแวดล้อมที่ปลอดภัยทั้งในโลกจริงและโลกดิจิทัล

ยอดนิยมในตอนนี้

แท็กยอดนิยม

ข่าวที่เกี่ยวข้อง