คณะราษฎร : พล.อ.อภิรัชต์สั่งทำบุญให้ ผู้นำ “กบฏบวรเดช” ยกย่อง 2 “นายทหารสายเจ้าผู้จงรักภักดี”
พล.อ.อภิรัชต์ คงสมพงษ์ ผู้บัญชาการทหารบก สั่งจัดพิธีบำเพ็ญกุศลอุทิศถวาย พล.อ.พระวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าบวรเดช และบำเพ็ญกุศลแก่ พ.อ.พระยาศรีสิทธิสงคราม ในวันนี้ (24 มิ.ย.) ซึ่งตรงกับวันครบรอบ 88 ปี ปฏิวัติสยามที่นำโดยคณะราษฎร
นับเป็นครั้งแรกที่กองทัพบกจัดพิธีรำลึกถึงพระองค์เจ้าบวรเดชและพ.อ.พระยาศรีสิทธิสงคราม ผู้นำในการพยายามทำรัฐประหารเมื่อวันที่ 12 ต.ค.2476 หลังการเปลี่ยนแปลงการปกครอง 2475 เพื่อถวายคืนอำนาจให้กษัตริย์ ซึ่งกองประชาสัมพันธ์ สำนักงานเลขานุการกองทัพบกระบุในเอกสารข่าวว่าทั้งสองเป็นผู้ที่ "ควรแก่การยกย่องในฐานะที่ทรงปกป้องสถาบันพระมหากษัตริย์ด้วยความจงรักภักดี"
- จุดอ่อนของคณะราษฎรในมุมมองปรีดี พนมยงค์
- เปิดพระราชหัตถเลขา ร.7 ถึง ที่ปรึกษาอังกฤษ ก่อน "กบฏบวรเดช" และ สละราชสมบัติ
- นักการเมืองเดิม-พวกซ้ายตกขอบ สร้างวาทกรรมแบ่งแยกประชาชน
นอกจานี้ กองทัพบกยังได้ตั้งชื่ออาคารพิพิธภัณฑ์ ทบ. ว่า "อาคารศรีสิทธิสงคราม" และ "ห้องบวรเดช" โดยระบุว่าเพื่อเป็นการระลึกถึงคุณงามความดีของนายทหารที่มีความจงรักภักดีต่อสถาบันและยังเป็นนายทหารประชาธิปไตย
พล.อ.อภิรัชต์ มอบมาย พล.อ.ณัฐพล นาคพาณิชย์ รองผู้บัญชาการทหารบก ผู้แทนกองทัพบก เป็นประธานในพิธีบำเพ็ญกุศล ซึ่งจัดขึ้นที่กองบัญชาการกองทัพบกในเวลา 15.00 น.
ทั้งนี้แผนกแถลงข่าว กองประชาสัมพันธ์ สำนักงานเลขานุการ ทบ. ได้เผยแพร่เอกสารข่าวให้ข้อมูลเกี่ยวกับพระองค์เจ้าบวรเดช พ.อ.พระยาศรีสิทธิสงคราม รวมทั้งกล่าวถึงคณะราษฎร ดังนี้
ในปี 2475 เกิดการเปลี่ยนแปลงการปกครองที่นับเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญของประวัติศาสตร์ไทย จากระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชย์ เป็นระบอบประชาธิปไตยโดยกลุ่มคนที่เรียกตนเองว่าคณะราษฎร "ถือเป็นการรัฐประหารเพื่อล้มราชบัลลังก์"
- ย้อนเหตุการณ์สำคัญของไทย 88 ปี บนเส้นทางประชาธิปไตยหลังปฏิวัติสยาม
- เปิดเอกสารรัฐบาลอังกฤษว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงและความขัดแย้งในคณะราษฎร
- ชี้นักธุรกิจการเมือง นักวิชาการฝักใฝ่คอมฯ "คุกคามความมั่นคง"
ต่อมาในปี 2476 ได้เกิดการกบฏครั้งแรกในประวัติศาสตร์ไทยหลังการเปลี่ยนแปลงการปกครอง 2475 โดยพระวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าบวรเดช โดยมีพระยาศรีสิทธิสงครามเป็นแม่ทัพ มีชื่อเป็นที่รู้จักกันว่า "กบฏบวรเดช"
"เนื่องจากพระองค์ทรงไม่เห็นด้วยกับแนวทางการปกครองของพระยาพหลพลพยุหเสนา ที่มีลักษณะเป็นเผด็จการ โดยเรียกร้องให้ รัฐบาลของพระยาพหลฯ ดำเนินตามแนวทางที่เสนอคือ ให้รักษาสถาบันพระมหากษัตริย์ไว้ และให้รัฐบาลมีความเป็นประชาธิปไตยมากขึ้น โดยให้อำนาจฝ่ายรัฐสภาในการตรวจสอบมากขึ้นและจำกัดอำนาจของรัฐบาลมิให้คณะราษฎรกลายเป็นคณะเผด็จการ แต่ในที่สุดการก่อกบฏไม่เป็นผลฝ่ายรัฐบาลปราบปรามคณะกบฏลงได้"
กองประชาสัมพันธ์ ทบ. ระบุเพิ่มเติมว่า "วีรกรรมที่กล้าหาญและเสียสละของพระวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าบวรเดช และพระยาศรีสิทธิสงครามควรแก่การยกย่องในฐานะที่ทรงปกป้องสถาบันพระมหากษัตริย์ด้วยความจงรักภักดี และทรงมุ่งหวังให้ประเทศชาติดำรงไว้ซึ่งระบอบประชาธิปไตยอย่างแท้จริง"