วอนเอาผิด ผอ.บิดหู-ทุบหลังลูกชาย ป.5 หน้าเสาธง เผยแจ้ง ตร.แล้ว ผู้ก่อเหตุโร่ขอโทษ อยากให้จบ
ชัยภูมิ-หลังแจ้งความเพียงข้ามวัน ได้แค่เดินทางมาที่บ้านบอกขอโทษแล้วให้จบเรื่อง ด้านผู้ปกครองสุดทนพฤติกรรม ผอ.โรงเรียน วอนหน่วยงานที่เกี่ยวข้องตรวจสอบเอาผิด ไม่อยากให้ทำโทษนักเรียนรุนแรงเกินเหตุแบบนี้อีก
เมื่อวันที่ 13 กุมภาพันธ์ ผู้สื่อข่าวได้รับแจ้งจาก น.ส.ดาว (สงวนนามสกุล) อายุ 45 ปี ชาว ต.ซับสีทอง อ.เมือง จ.ชัยภูมิ เพื่อขอความเป็นธรรม หลังจากลูกชายอายุ 11 ปี ซึ่งเป็นนักเรียนชั้น ป.5 โรงเรียนแห่งหนึ่ใน ต.ซับสีทอง ถูกผู้อำนวยการโรงเรียนทำร้ายร่างกายได้รับบาดเจ็บ พร้อมกันนี้ได้ไปแจ้งความต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เมืองชัยภูมิ เมื่อวันที่ 11 ก.พ.65 ด้วย
น.ส.ดาวกล่าวว่า ลูกชายถูก ผอ.โรงเรียนทำร้ายร่างกายหน้าเสาธงได้รับบาดเจ็บหลายแห่ง ซึ่งเมื่อวันที่ 9 ก.พ. ทางโรงเรียนมีพิธีไหว้ครู ลูกชายได้ทำธูปไหว้ครูที่อยู่ในกรวยหายไป จนเหลือเพียง 1 ดอก ต่อมาเช้าวันที่ 11 ก.พ. ผอ.เรียกลูกชายของตนไปทำโทษหน้าเสาธง ด้วยการบิดพุง ใช้มือทุบหลังและบิดหูจนมีบาดแผลหลายแห่งตามร่างกาย เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นต่อหน้าเพื่อนนักเรียน และครูทั้งโรงเรียน
เมื่อสอบถามนักเรีบนที่ถูกทำโทษได้เล่าว่า ครูที่ตนนำดอกไม้ไปไหว้ก็ไม่ได้บอกอะไรว่าไม่พอใจ หลังทำธูปหายและเหลือธูปไหว้ครูเพียง 1 ดอก กระทั่งเช้าวันต่อมา ผอ.เรียกให้ตนออกจากแถวหน้าเสาธงเพื่อไปยืนด้านหน้า ก่อนจะบิดท้อง 5 ครั้ง บิดหู 2 ครั้ง พร้อมทุบหลังอีกหลายครั้ง ทำให้ได้รับบาดเจ็บ มีเลือดซึมหน้าท้องหลายจุด และเกิดความอาย เมื่อพ่อมารับกลับบ้านจึงเล่าให้ฟัง ก่อนพ่อจะปรึกษากับแม่ และพาเข้าแจ้งความที่ สภ.เมืองชัยภูมิ เมื่อวันที่ 11 ก.พ.65 ที่ผ่านมา
ผู้สื่อข่าวได้รับข้อมูลเพิ่มเติมว่า นักเรียนที่อยู่ในเหตุการณ์จำนวนมากต่างตกใจกับเรื่องที่เกิดขึ้น พร้อมเล่าให้ฟังว่า ผอ.คนดังกล่าวเคยทำโทษนักเรียนลักษณะนี้บ่อยครั้ง ทำให้นักเรียนกลัว ผอ.มาก
ด้านนายยอดชาย (สงวนนามสกุล) อายุ 47 ปี พ่อของนักเรียนที่ถูกทำร้าย เปิดเผยว่า อยากฝากสื่อมวลชนไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้องว่าไม่อยากให้เกิดเหตุการณ์เช่นนี้อีก ผู้ปกครองรับไม่ได้ การทำโทษครั้งนี้รุนแรงเกินกว่าเหตุจริงๆ อีกทั้งอยากขอความเป็นธรรมให้ลูกชาย อยากให้เจ้าหน้าที่ช่วยตรวจสอบด้วย เพราะเรื่องนี้ไม่ได้เกิดกับลูกชายของตนเป็นคนแรก เพราะมีผู้ปกครองรายอื่นเปิดเผยว่าเด็กเคยถูก ผอ.ลงโทษเกินกว่าเหตุเช่นกัน
“หลังจากพาลูกชายเข้าแจ้งความแล้ว หลังแจ้งความเพียงวันเดียว ผอ.ได้มาหาที่บ้าน พร้อมกับบอกขอโทษ ขอให้จบเรื่องนี้เท่านั้น แต่ผมเห็นว่าเป็นเหตุการณ์รุนแรงเกินเหตุมากกว่าจะรับได้จริงๆ และมีผู้อยู่ในเหตุการณ์จำนวนมากเห็นกันทั้งโรงเรียน จึงขอให้ดำเนินการตามขั้นตอนระเบียบกฎหมาย ซึ่งก็ไม่ทราบว่าเกิดความเป็นธรรมมากแค่ไหน และไม่อยากให้บุคคลซึ่งเป็นถึง ผอ.โรงเรียน ทำแบบนี้กับนักเรียนคนไหนอีก” นายยอดชายกล่าว