ไทม์ไลน์เดือด ไทย–กัมพูชา ปะทะ 7 จังหวัด สู่สงครามเต็มรูปแบบ?

สถานการณ์ชายแดนไทย–กัมพูชาล่าสุด ณ วันที่ 11 ธันวาคม 2568 ถือเป็นระดับร้ายแรงที่สุดในรอบหลายปี หลังการปะทะกระจายครอบคลุม 7 จังหวัดชายแดนตั้งแต่อุบลราชธานีถึงตราด และยังไม่มีท่าทีว่าจะยุติลง แม้หลายประเทศเริ่มส่งสัญญาณกดดันให้ทั้งสองฝ่ายกลับเข้าสู่การเจรจา ความขัดแย้งในครั้งนี้มีจุดเริ่มต้นชัดเจนจากเหตุการณ์เหยียบกับระเบิดในเดือนกรกฎาคม ก่อนพัฒนาเป็นการเปิดฉากยิงด้วยอาวุธหนักในช่วงต้นเดือนธันวาคม
สรุปความสูญเสีย ณ 11 ธ.ค. 2568
รายงานจากกองทัพไทยยืนยันว่า ขณะนี้มี ทหารเสียชีวิต 1 นาย จากเหตุปะทะที่ช่องบก จ.อุบลราชธานีเมื่อวันที่ 8 ธันวาคม และมีผู้ บาดเจ็บรวมอย่างน้อย 23 นาย จากทั้งเหตุระเบิดเดือนกรกฎาคมและการสู้รบระลอกใหม่ในพื้นที่กองทัพภาคที่ 1 และ 2
ไทม์ไลน์สถานการณ์ชายแดน ไทย–กัมพูชา (ก.ค. – 11 ธ.ค. 2568)
ก.ค. 2568 — จุดเริ่มความตึงเครียด
ความขัดแย้งเริ่มชัดเจนในวันที่ 23 กรกฎาคม เมื่อชุดลาดตระเวนไทยเหยียบกับระเบิดบริเวณช่องอานม้า อ.น้ำยืน จ.อุบลราชธานี ทำให้บาดเจ็บ 5 นาย รวมถึงผู้บาดเจ็บสาหัส 1 นาย เหตุการณ์นี้นำไปสู่คำสั่งปิดด่านชายแดน 4 แห่งในทันที และเปิดช่องให้ความสัมพันธ์สองประเทศเริ่มสั่นคลอน
วันถัดมา กัมพูชาเปิดฉากยิงใส่ฐานทหารไทยที่ปราสาทตาเมือนธม จ.สุรินทร์ และปราสาทโดนตวล จ.ศรีสะเกษ รัฐบาลไทยจึงลดระดับความสัมพันธ์ทางการทูต พร้อมเตรียมมาตรการตอบโต้ ฝ่ายไทยยังเดินหน้าแผนยุทธการ “ยุทธบดินทร์” ระหว่างวันที่ 25–28 กรกฎาคม เพื่อควบคุมแนวชายแดนที่เริ่มปะทุรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ
7–10 ธ.ค. 2568 — สงครามระลอกใหม่ปะทุรุนแรง
หลังช่วงเดือนตุลาคม–พฤศจิกายนที่สถานการณ์เงียบลง ความตึงเครียดกลับปะทุหนักในวันที่ 7 ธันวาคม โดยเวลา 14.15 น. มีการปะทะครั้งใหญ่ที่ภูผาเหล็ก–พลาญหินแปดก้อน จ.ศรีสะเกษ ก่อนที่เวลา 22.00 น. จะมีความเคลื่อนไหวของรถถัง T-55 และจรวด RM-70 ของกัมพูชาประชิดแนวชายแดนถึงช่องบก–ช่องอานม้า ทำให้กองทัพไทยต้องอพยพประชาชนในพื้นที่อีสานใต้หลายอำเภอทันที
วันที่ 8 ธันวาคม กลายเป็นวันสูญเสีย หลังตั้งแต่ตีห้ากัมพูชาระดมยิงปืนใหญ่และ BM-21 ใส่ฐานทหารไทยต่อเนื่อง โดยเฉพาะที่ช่องบกซึ่งทำให้ทหารไทยเสียชีวิต 1 นาย บาดเจ็บ 4 นาย ขณะเดียวกัน จรวด BM-21 ตกใส่บ้านเรือนประชาชนที่ อ.บ้านกรวด จ.บุรีรัมย์ ทำให้ระดับความรุนแรงพุ่งสูงขึ้นอย่างมาก
วันที่ 9–10 ธันวาคม แนวสู้รบขยายออกไปครอบคลุม 7 จังหวัดชายแดน โดยสระแก้วกลายเป็นพื้นที่หนักที่สุด กองทัพภาคที่ 1 รายงานว่าการสู้รบใน อ.ตาพระยา และ อ.โคกสูง มีความเข้มข้นสูง แม้ฝ่ายไทยสามารถยึดพื้นที่บ้านหนองหญ้าแก้วคืนได้ แต่มีทหารบาดเจ็บเพิ่มอีก 14 นาย
พื้นที่สุรินทร์ก็ถูกโจมตีอย่างหนัก โดยพบว่ากัมพูชานำโบราณสถานอย่างปราสาทตาควายและตาเมือนธมเป็นฐานยิง ซึ่งขัดต่อหลักกฎหมายระหว่างประเทศว่าด้วยการใช้โบราณสถานทางทหาร
11 ธ.ค. 2568 — ภาพรวมสถานการณ์ล่าสุด
การสู้รบย่างเข้าสู่วันที่ 4 ฝ่ายไทยยืนยันควบคุมพื้นที่ยุทธศาสตร์ “บ้านหนองหญ้าแก้ว” ได้แล้วหนึ่งจุด แต่พื้นที่อื่นยังมีการยิงตอบโต้ต่อเนื่อง ทั้งช่องบก ช่องอานม้า ภูมะเขือ ตาพระยา ไปจนถึงแนวรบด้านจันทบุรีและตราด
กระแสจากนานาชาติเริ่มกดดันให้ทั้งสองประเทศลดการใช้กำลัง โดยสหรัฐฯ แสดงความกังวลอย่างเป็นทางการ และมีรายงานว่าประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ เสนอตัวเป็นคนกลาง ขณะที่นายกรัฐมนตรีอันวาร์ อิบราฮิม ของมาเลเซียติดต่อผู้นำทั้งสองฝ่ายให้เร่งกลับสู่การเจรจา
อย่างไรก็ตาม เสียงปืนยังไม่หยุดลง และยังไม่มีสัญญาณว่าทั้งไทยและกัมพูชาจะถอยออกจากการปะทะในระยะสั้น
Tag
ยอดนิยมในตอนนี้
