อเบอร์ดีนวางกลยุทธ์ลงทุน รับมือภาษีทรัมป์สยองโลก

#บลจ.อเบอร์ดีน #ทันหุ้น - บลจ.อเบอร์ดีน แนะจังหวะปรับพอร์ตกระจายลงทุนทั่วโลก หลากหลายสินทรัพย์ รับมือความผันผวนยังสูง ชูตราสารหนี้ไทยน่าสน คาด กนง.หั่นดอกเบี้ยอย่างน้อย 2 ครั้งปีนี้ ด้าน ตราสารหนี้ต่างประเทศ สกุลเงินดอลลาร์โอกาสสร้างผลตอบแทนที่ดี ส่วน หุ้นโลก เน้นหลักทรัพย์มีปันผลสม่ำเสมอ
นายพงค์ธาริน ทรัพยานนท์ หัวหน้าฝ่ายการลงทุนตราสารหนี้และการจัดสรรสินทรัพย์ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนอเบอร์ดีน (ประเทศไทย) หรือ บลจ.อเบอร์ดีน เปิดเผยว่า ความไม่แน่นอนของนโยบายการค้าสหรัฐ ส่งผลต่อความผันผวนระยะสั้นของตลาดทั่วโลก แม้ว่าประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐ จะระงับการเก็บภาษีนำเข้าจากกว่า 75 ประเทศ เป็นเวลา 90 วัน และลดอัตราภาษีตอบโต้ (Reciprocal Tariff) ลงเหลือ 10% แต่ยังต้องติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด เนื่องจากเป้าหมายของทรัมป์ ต้องการลดการขาดดุลทางการค้า เปิดเกมเจรจาเพื่อนำไปสู่ข้อตกลงทางการค้าใหม่ของสหรัฐที่ดีขึ้น อีกทั้งทรัมป์ยังคงเดินหน้าขึ้นภาษีนำเข้าสินค้าจากจีน ซึ่งผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นจากนโยบายการค้ายังคงส่งผลกระทบต่อการเติบโตของเศรษฐกิจสหรัฐ ให้ชะลอตัว
“อเบอร์ดีน แนะนำใช้จังหวะนี้ปรับพอร์ตกระจายลงทุน ซึ่งมองว่าในระยะสั้นตลาดทั่วโลกมีความอ่อนไหวต่อกระแสข่าวค่อนข้างมาก และมีความผันผวนสูงจากความไม่แน่นอนของนโยบายภาษี จึงมองว่าผู้ลงทุนควร Stay Invested หรือยังคงอยู่ในเกมของการลงทุน โดยแนะนำปรับพอร์ตกระจายลงทุนหลากหลายทั้งภูมิภาคและสินทรัพย์ ซึ่งจะช่วยลดความเสี่ยงและสามารถรับมือกับความผันผวนของตลาดได้” นายพงค์ธารินกล่าว
กลยุทธ์การลงทุนในช่วง 3-6 เดือนจากนี้ แนะนำผู้ลงทุนโฟกัสกลยุทธ์ที่มีความยืดหยุ่นสูงและได้รับผลกระทบในเชิงบวกจากนโยบายภาษีศุลกากรสหรัฐ ดังนี้ “ตราสารหนี้ไทย” คาดว่าได้อานิสงส์ในเชิงบวก เนื่องจากภาษีนำเข้าเพิ่มสูงขึ้นยิ่งเพิ่มโอกาสที่ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) จะตัดสินใจปรับลดอัตราดอกเบี้ยอย่างน้อยอีก 2 ครั้งในปีนี้ลงมาอยู่ที่ 1.50% ขณะเดียวกันเงินเฟ้ออยู่ในระดับต่ำเปิดโอกาสให้ ธปท. หันมาให้ความสำคัญกับการดำเนินนโยบายการเงินที่ผ่อนคลายมากขึ้นเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจที่อ่อนแอ
กองทุนแนะนำ ได้แก่ กองทุนเปิด อเบอร์ดีน อินคัม ครีเอชั่น (ABINC) ด้วยกลยุทธ์การลงทุนในตราสารหนี้ที่มีอายุเฉลี่ยตราสารหนี้ที่มากกว่า 2 ปี อีกทั้งมีสัดส่วนการลงทุนในหุ้นกู้คุณภาพประมาณ 35% (ข้อมูล ณ 28 ก.พ. 2568) จะช่วยสร้างความสมดุลระหว่างโอกาสรับผลตอบแทนจากอัตราผลตอบแทนส่วนเพิ่ม (Yield Enhancement) ควบคู่ไปกับการบริหารความเสี่ยงด้านสภาพคล่องที่มีประสิทธิภาพ (High Liquidity Management) (ความเสี่ยงระดับ 4)
ตราสารหนี้ต่างประเทศ เน้นลงทุนตราสารหนี้สกุลเงินดอลลาร์ที่ไม่ได้ป้องกันความเสี่ยงอัตราแลกเปลี่ยน (Unhedged) มีโอกาสให้ผลตอบแทนที่ดี เนื่องจากดอกเบี้ยสหรัฐ ยังอยู่ในระดับสูง ขณะเดียวกันจะช่วยลดความเสี่ยงจากความผันผวนของหุ้นได้ เนื่องจากในอดีต เช่น ช่วงวิกฤติแฮมเบอร์เกอร์และโควิด-19 พบว่าการลงทุนในระยะกลางถึงยาวในตราสารหนี้สกุลเงินดอลลาร์นั้นมีการเคลื่อนไหวของราคาในทิศทางตรงกันข้าม (Negative Correlation) กับสินทรัพย์เสี่ยงอย่างหุ้น
กองทุนแนะนำ ได้แก่ กองทุนเปิด อเบอร์ดีน โกลบอล เอนแฮนซ์ ฟิกซ์ อินคัม ฟันด์ (ABGFIX) ซึ่งเป็นกลยุทธ์ที่สามารถช่วยลดความผันผวนของพอร์ตการลงทุนโดยรวมได้ โดยกองทุนหลักชื่อว่า abrdn SICAV I - Short Dated Enhanced Income Fund เน้นลงทุนในบริษัทที่มีอันดับความน่าเชื่อถือสูง โดยเฉลี่ยของพอร์ตอยู่ที่ A- อายุเฉลี่ยของตราสารหนี้ในพอร์ตลงทุนไม่เกิน 2 ปี และมีสภาพคล่องสูง โดยเป็นกองทุนต่างประเทศที่ผู้ลงทุนสามารถรับเงินค่าขายคืนได้ภายใน 2 วันทำการ (ความเสี่ยงระดับ 4)
สำหรับกลยุทธ์การลงทุนใน หุ้นทั่วโลก เน้นลงทุนหุ้นที่จ่ายปันผลสูง เพื่อเก็บเกี่ยวรายได้จากการจ่ายปันผล รวมถึงหุ้นที่มีกระแสเงินสดแข็งแกร่ง ด้วยการลงทุนในหุ้นสไตล์ Defensive ช่วยให้พอร์ตลงทุนมีความทนทานในทุกสภาพตลาดได้ดี โดยกองทุนที่แนะนำ ได้แก่ กองทุนเปิด อเบอร์ดีน โกลบอล ไดนามิค ดิวิเด็น ฟันด์ (ABGDD) โดยกองทุนหลักชื่อว่า abrdn SICAV I - Global Dynamic Dividend Fund มุ่งเน้นให้ผลตอบแทนจากการจ่ายเงินปันผลรายเดือนสม่ำเสมอ ซึ่งจะช่วยบรรเทาผลกระทบในช่วงตลาดขาลงและมีการลงทุนในตลาดหลากหลายทั่วโลก ทำให้พอร์ตโดยรวมมีความยืดหยุ่นสูง แม้ในภาวะตลาดมีความไม่แน่นอนสูง (ความเสี่ยงระดับ 6)