‘หยวนต้า’ ชี้รัฐอัดมาตรการกระตุ้นใช้รถยนต์ไฟฟ้า-ลดภาษีสรรพสามิต ดันหุ้นต้น-ปลายน้ำได้ประโยชน์ยกแผง

ข่าววันนี้ นายณัฐพล คำถาเครือ ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) หยวนต้า (ประเทศไทย) เปิดเผยว่า รัฐบาลได้ออกมาตรการส่งเสริมยานยนต์ไฟฟ้า (อีวี) ผ่านการลดภาษีนำเข้า (เฉพาะรถยนต์นั่ง) ภาษีสรรพสามิต (รถยนต์นั่งจาก 8% มาที่ 2%, รถปิกอัพ 0%) ลดอากรขาเข้ารถยนต์ที่ผลิตต่างประเทศและนำเข้าทั้งคัน (CBU) สูงสุด 40% สำหรับรถยนต์ถึงปี 2566 รวมถึงยกเว้นอากรขาเข้ารถยนต์ที่ผลิตในประเทศ (CKD) จำนวน 9 รายการ ซึ่งมีเป้าหมายจูงใจให้ประชาชนหันมาใช้รถอีวี ประมาณ 3 แสนคัน ในระยะเวลา 5 ปี เริ่มตั้งแต่ปี 2565 ทำให้หุ้นที่ได้อานิสงส์เชิงบวกมีตั้งแต่ต้นน้ำยันปลายน้ำของกลุ่มธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องกับยานยนต์ไฟฟ้า ได้แก่ ผู้นำเข้า ผู้ขนส่ง ผู้ผลิตอุปกรณ์ต่างๆ ผู้ให้บริการสถานีชาร์จแบตเตอรี่ และผู้ผลิตยานยนต์ไฟฟ้าในประเทศ ซึ่งถือเป็นกลุ่มหุ้นที่มีหุ้นหลายตัวเป็นหุ้นขนาดใหญ่ในตลาดรวม อาทิ หุ้นอีเอ ปตท. โออาร์ โดยจะเห็นว่าราคาปรับขึ้นมาตอบรับปัจจัยบวกดังกล่าวได้ค่อนข้างดี ซึ่งในระยะสั้นจะเห็นหุ้นกลุ่มที่เกี่ยวเนื่อง อาทิ ธุรกิจนำเข้า ขนส่ง ท่าเรือ บวกขึ้นและสร้างบรรยากาศให้ดูดีนำไปก่อน จากนั้นในระยะยาวจะได้เห็นอานิสงส์เชิงบวกกับหุ้นที่เป็นผู้ผลิตยานยนต์ไฟฟ้าในประเทศได้จริง แต่มองว่าอาจต้องใช้เวลาสัก 1-2 ปีต่อจากนี้

“มาตรการที่รัฐบาลออกมาถือว่าเป็นมาตรการที่จะสนับสนุนหุ้นยานยนต์ไฟฟ้าให้เติบโตในระยะยาว ไม่ได้เป็นมาตรการที่ช่วยสนับสนุนราคาหุ้นแค่ในระยะสั้นเท่านั้น ซึ่งก็ถือว่าเข้ามาช่วยสร้างสีสันให้กับหุ้นไทยเพิ่มเติม นอกเหนือจากการไหลเข้ามาของเม็ดเงินลงทุนต่างชาติ (ฟันด์โหลว์)” นายณัฐพล กล่าว

นายณัฐพล กล่าวว่า สำหรับหุ้นที่ได้ประโยชน์ ไล่ตั้งแต่ต้นน้ำยันปลายน้ำ ได้แก่ กลุ่มนำเข้ายานยนต์ไฟฟ้า ผ่านท่าเรือ ได้แก่ นามยง เทอร์มินัล กลุ่มสินเชื่อ ได้แก่ ทิสโก้ ทีทีบี กลุ่มให้บริการชาร์จแบตเตอรี่ ผลิตยานยนต์และแบตเตอรี่ ได้แก่ อีเอ โออาร์ ปตท. จีพีเอสซี กลุ่มนิคมอุตสาหกรรม ได้แก่ ดับบลิวเอชเอ อมตะ รวมถึงจะมีหุ้นกลุ่มโรงไฟฟ้าที่ได้อานิสงส์เชิงบวกจากมาตรการของภาครัฐเหล่านี้ด้วย เพียงแต่ติดปัจจัยลบเฉพาะ เนื่องจากผลประกอบการไตรมาส 4/2564 ที่ออกมาไม่สดใสมากเท่าที่ควร จึงยังยังต้องรอทิศทางให้มีความชัดเจนมากกว่านี้