เงินบาทเช้านี้ 24 กรกฎาคม 2568 เปิดตลาดทรงตัว ที่ 32.16 บาท/ดอลลาร์

ค่าเงินบาทเปิดเช้าทรงตัวนักลงทุนรอปัจจัยใหม่หนุนตลาด

นายพูน พานิชพิบูลย์ นักกลยุทธ์ตลาดเงินตลาดทุน Krungthai GLOBAL MARKETS ธนาคารกรุงไทย เปิดเผยว่า ค่าเงินบาทเปิดเช้าวันนี้ที่ระดับ 32.16 บาทต่อดอลลาร์ ทรงตัวไม่เปลี่ยนแปลงจากระดับปิดเมื่อวานที่ผ่านมา โดยเงินบาทยังเคลื่อนไหวในกรอบแคบ 32.14-32.25 บาทต่อดอลลาร์ ในลักษณะ Sideways

ปัจจัยหนุนเงินดอลลาร์อ่อนค่า-เงินบาทแข็งค่าเล็กน้อย

เงินบาทมีแนวโน้มได้แรงหนุนจากการอ่อนค่าของเงินดอลลาร์ หลังตลาดตอบรับความหวังว่าสหภาพยุโรป (EU) และสหรัฐฯ จะบรรลุข้อตกลงการค้าได้ในเร็วๆ นี้ ส่งผลให้เงินยูโรแข็งค่าขึ้นอย่างต่อเนื่อง ขณะที่รายงานยอดขายบ้านมือสองสหรัฐฯ เดือนมิถุนายนออกมาแย่กว่าคาด เป็นแรงกดดันต่อเงินดอลลาร์ด้วยเช่นกัน

อย่างไรก็ดี ราคาทองคำที่ปรับตัวลดลง ส่งผลให้แรงหนุนการแข็งค่าของเงินบาทถูกชะลอไปบ้างในช่วงนี้

ตลาดหุ้นโลกสดใส ดันบรรยากาศเปิดรับความเสี่ยงในตลาด

ดัชนี S&P500 ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ปิดตลาดที่ +0.78% และดัชนี STOXX600 ของยุโรปปรับขึ้นกว่า +1.08% โดยได้แรงหนุนจากหุ้นกลุ่มยานยนต์และสินค้าแบรนด์เนม ที่ตอบรับความหวังการเจรจาทางการค้าในระดับนานาชาติ นอกจากนี้ บอนด์ยีลด์ 10 ปีของสหรัฐฯ ปรับตัวขึ้นเล็กน้อยเข้าใกล้ระดับ 4.40% ท่ามกลางความระมัดระวังการเคลื่อนไหวในตลาดการเงิน

ตลาดจับตารายงานเศรษฐกิจหลักและนโยบาย ECB สัปดาห์หน้า

ในอีก 24 ชั่วโมงข้างหน้า นักลงทุนจะจับตารายงานดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตและบริการของสหรัฐฯ ยุโรป อังกฤษ และญี่ปุ่น รวมถึงการประชุมธนาคารกลางยุโรป (ECB) ที่คาดว่าจะคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ 2.00% โดยมีความเป็นไปได้ว่าประธาน ECB จะส่งสัญญาณความพร้อมในการปรับนโยบายตามสถานการณ์เศรษฐกิจ

แนวโน้มเงินบาทยังแข็งค่าได้จำกัด

นายพูนระบุว่า แม้เงินบาทจะมีโอกาสแข็งค่าขึ้นจนถึงระดับ 32.00 บาทต่อดอลลาร์ แต่การแข็งค่าจะเป็นไปอย่างจำกัด และอาจมีความเสี่ยงที่เงินบาทจะทยอยอ่อนค่าลงได้ หากบรรยากาศตลาดการเงินเปิดรับความเสี่ยงเพิ่มขึ้น และรายงานเศรษฐกิจสหรัฐฯ ยังออกมาดีเกินคาด

สำหรับกรอบเงินบาทในช่วง 24 ชั่วโมงข้างหน้า คาดว่าจะเคลื่อนไหวในช่วง 32.00-32.30 บาทต่อดอลลาร์ โดยผู้เล่นตลาดควรใช้กลยุทธ์การบริหารความเสี่ยง เช่น Options เพื่อรับมือความผันผวนจากปัจจัยภายนอก ทั้งนโยบายการค้าของสหรัฐฯ และสถานการณ์การเมืองไทย