รีเซต

"S" กางแผนธุรกิจปี 66 ชูกลยุทธ์ “S EXCELS” ตั้งเป้ารายได้แตะ1.7 หมื่นล้าน

"S" กางแผนธุรกิจปี 66 ชูกลยุทธ์ “S EXCELS” ตั้งเป้ารายได้แตะ1.7 หมื่นล้าน
ทันหุ้น
20 มีนาคม 2566 ( 17:04 )
77
"S" กางแผนธุรกิจปี 66 ชูกลยุทธ์ “S EXCELS” ตั้งเป้ารายได้แตะ1.7 หมื่นล้าน

สิงห์ เอสเตท เดินหน้ารุกธุรกิจปี 2566 ผ่านแนวคิด “S EXCELS” มุ่งสู่ความเป็นเลิศในทุกมิติ ตอกย้ำการดำเนินธุรกิจภายใต้วิสัยทัศน์สร้างความหลากหลายที่สมดุล เพื่อการเติบโตอย่างยั่งยืน หรือ Sustainable Diversity ดันรายได้รวมสูงขึ้น 34% จากปีก่อน หรือกว่า 16,700 ล้านบาท ตั้งเป้าเปิดโครงการที่พักอาศัยแนวราบใหม่อีกอย่างน้อย5 โครงการ รวมมูลค่ากว่า 10,000 ล้าน ด้านธุรกิจอสังหาริมทรัพย์เพื่อการค้าส่งสัญญาณดีต่อเนื่อง อัตราปล่อยเช่าเฉลี่ยรวมสูงถึง 90% ขณะที่ธุรกิจโรงแรมภายใต้การบริหารงานของ SHR ตั้งเป้าเพิ่มอัตราการเข้าพักรวมแตะระดับ All-time High ที่ 75% คาดรายได้โตทะลุหมื่นล้านในปี 2566 ส่วนธุรกิจนิคมอุตสาหกรรมเตรียมพร้อมโตก้าวกระโดดด้วยยอดการโอนที่ดินเพิ่มเป็น 2 เท่าตัว

 

นางฐิติมา รุ่งขวัญศิริโรจน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท สิงห์ เอสเตท จำกัด (มหาชน) หรือ ‘S’ กล่าวว่า ปี 2565 บริษัทฯ สร้างรายได้ 13,500 ล้านบาท หรือเติบโตขึ้นจากปีก่อนประมาณ 62% โดยมีปัจจัยหลายประการที่ช่วยเกื้อหนุนการเติบโต ไม่ว่าจะเป็นยอดจองและยอดโอนกรรมสิทธิ์ภายในปี 2565 ของโครงการศิรนินทร์ เรสซิเดนเซส ซึ่งสูงถึง 77% และ30% ตามลำดับ นับเป็นความสำเร็จอย่างงดงามที่เกิดขึ้นเพียง 1 ปี หลังปรับโครงสร้างธุรกิจและรุกเข้าสู่การพัฒนาบ้านแนวราบอย่างเต็มตัวธุรกิจโรงแรมภายใต้การบริหารงานของ SHR สามารถทำรายได้ทะลุเป้าหมายอยู่ที่ 8,700 ล้านบาท ขึ้นแท่นผู้ประกอบการโรงแรมในไทยที่มีรายได้สูงสุดเป็นอันดับ2 ของประเทศ ด้วยความแข็งแกร่งของกลยุทธ์ผนวกกับแรงหนุนจากการเปิดประเทศ ส่งผลให้อัตราค่าห้องพักเฉลี่ยรายวัน (Average Daily Rate: ADR) ปรับเพิ่มขึ้นได้กว่า 28% จากปีก่อนหน้า กลุ่มธุรกิจอาคารสำนักงานมีสัญญาณฟื้นตัวอย่างมีนัยสำคัญ มีอัตราการเช่าพื้นที่ (Occupancy) ที่ไต่ระดับสูงขึ้น ขณะที่ธุรกิจนิคมอุตสาหกรรมมีรายได้จากการโอนกรรมสิทธิ์ที่ดินในปีก่อนได้กว่า 77ไร่

 

“ในปี 2566 เป็นปีที่สำคัญมากของสิงห์เอสเตท กลยุทธ์ “S EXCELS” คือการสร้างความเป็นเลิศในทุกมิติ มิติแรกคือ ผลการดำเนินงานที่เป็นเลิศ ดันเป้ากำไรสู่ All-time High ในทุกพอร์ตธุรกิจ โดยปีนี้จะสามารถสร้างรายได้รวมของบริษัทให้เติบโตขึ้นสูงถึง 34%หรือมีมูลค่าแตะ 16,700 ล้านบาท มิติที่สองคือการเพิ่มแต้มต่อธุรกิจ เสริมแกร่งศักยภาพในการแข่งขัน เน้นการสร้าง Synergy ที่เกื้อหนุนกันระหว่าง 4 ธุรกิจ และความร่วมมือกับพันธมิตรชั้นนำเพื่อสร้างการเติบโตเฉลี่ยปีละ 20% ตลอด 3 ปี มิติที่สามคือ การพัฒนาอย่างยั่งยืน บริษัทฯ ตั้งเป้าบรรลุความเป็นกลางทางคาร์บอนในปี 2573 และกำหนดแผนอนุรักษ์ในพื้นที่ที่มีความหลากหลายทางชีวภาพในบริเวณธุรกิจตั้งอยู่” นางฐิติมา กล่าว

 

จับตาผลการดำเนินงานแกร่ง

 

สำหรับกลุ่มธุรกิจที่พักอาศัย ในปี 2566 นี้ สิงห์ เอสเตท เตรียมต่อยอดความสำเร็จด้วยการเปิดตัวโครงการบ้านแนวราบใหม่ตอบโจทย์ Lifestyle ที่ทันสมัย บนทำเลศักยภาพขยายฐานเจาะตลาดหลากหลายเซกเมนต์ อีก 5 โครงการ ประกอบด้วย บ้านเดี่ยวระดับราคา 15-30 ล้านบาท และระดับราคา 30-50 ล้านบาท Cluster Home ระดับราคาตั้งแต่ 100 ล้านบาทขึ้นไป พร้อม Flagship Cluster Home Project ซึ่งมีระดับราคาเริ่มต้นสูงถึง 550 ล้านบาทต่อหลัง ด้วยมูลค่ารวม 5 โครงการกว่า 10,000 ล้านบาท ขณะเดียวกันเพื่อตอบรับความต้องการในตลาดคอนโดมิเนียมที่กลับมาคึกคักอีกครั้ง โดยเฉพาะกลุ่ม Ready-to-move-in ได้อย่างทันท่วงทีสิงห์ เอสเตทจึงขยายสัดส่วนการถือครองโครงการ The ESSE Sukhumvit 36 ส่งผลให้สามารถรับรู้รายได้และกำไรจากโครงการดังกล่าวเต็ม 100% โดยบริษัทฯ คาดว่าโครงการที่พักอาศัยในปีนี้ จะมีรายได้ที่เติบโตขึ้นกว่า70%

 

กลุ่มธุรกิจอสังหาริมทรัพย์เพื่อการค้ามีสัญญาณการฟื้นตัวดีอย่างต่อเนื่องด้วยกลยุทธ์โมเดลธุรกิจRight sizing ซึ่งนำเสนอขนาดพื้นที่ให้เช่าที่หลากหลายควบคู่กับโมเดลธุรกิจ Ready-to-move หรือการจัดสรรพื้นที่ให้เช่าพร้อมใช้งานโดยปี 2566 ตั้งเป้าผลประกอบการเพิ่มขึ้น 20% ด้วยอัตราการเช่าพื้นที่สูงกว่า 90% ในทุกโครงการ ทั้งสิงห์ คอมเพล็กซ์ซันทาวเวอร์ส และ เอส เมโทร รวมถึงโครงการอาคารสำนักงานล่าสุดอย่าง เอส โอเอซิส บนถนนวิภาวดีรังสิต บริเวณห้าแยกลาดพร้าว ศูนย์กลางธุรกิจที่เปี่ยมศักยภาพแห่งใหม่ พร้อมเซ็นสัญญาผู้เช่ารายใหญ่ในไตรมาส 2 ปีนี้

 

กลุ่มธุรกิจโรงแรมภายใต้การบริหารงานของ ‘เอส โฮเทล แอนด์ รีสอร์ท’ หรือ ‘SHR’ จะเป็นอีกหนึ่งธุรกิจที่โดดเด่นอย่างชัดเจนในปีนี้ โดยโรงแรมในเครือที่ประเทศไทยทั้ง4แห่งจะเป็นตัวขับเคลื่อนสำคัญ คาดรายได้เติบโตถึง60% จากปีก่อนหน้าในขณะที่รายได้จากโรงแรมในมัลดีฟส์จะเติบโตขึ้น 30%หนุนรายได้รวมทะลุ 10,000 ล้านบาท หรือเติบโตขึ้นกว่า 20% ทั้งนี้ ในปี 2566จะเน้นการเติบโตของอัตราการเข้าพักรวมแตะระดับ All-time High ที่ 75%ขณะที่การหมุนเวียนและต่อยอดการลงทุนสินทรัพย์ (Asset Rotation & Enhancement) รวมถึงการปรับปรุงและยกระดับโรงแรมในเครือช่วยเสริมแกร่งผลประกอบการ สนับสนุนให้ SHR สามารถครองตำแหน่งผู้ประกอบธุรกิจบริหารจัดการโรงแรมรายได้สูงสุดเป็นอันดับ 2 ของไทยอย่างต่อเนื่อง นอกจากนี้ ในช่วงปลายปีจะมีการเปิดตัว SO/ Maldives โรงแรมไลฟ์สไตล์หรูระดับ 6 ดาว ในโครงการครอสโรดส์ มัลดีฟส์ ซึ่งเป็นความร่วมมือระหว่าง SHR และพันธมิตรทางธุรกิจคาดผลประกอบการจะสร้างกำไรให้กับบริษัทฯ ในระยะยาวได้ในอีกทางหนึ่ง

 

กลุ่มธุรกิจนิคมอุตสาหกรรมและโครงสร้างพื้นฐาน มีแนวโน้มเติบโตต่อเนื่อง ในปี 2566 บริษัทฯ ตั้งเป้ายอดโอนกรรมสิทธิ์ที่ดินในนิคมอุตสาหกรรม เอส อ่างทอง เพิ่มขึ้นเป็น 2 เท่าแรงหนุนสำคัญจากทั้งปัจจัยมหภาค โดยบีโอไอคาดระดับการลงทุนจากต่างประเทศคงตัวได้ที่ราว 5-6 แสนล้านบาท ความร่วมมือกับการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (กนอ.) และจุดแข็งของนิคมอุตสาหกรรม เอส อ่างทอง ซึ่งตอบโจทย์ธุรกิจที่หลากหลาย โดยเฉพาะกลุ่มธุรกิจที่ต้องการใช้พลังงานและน้ำจำนวนมาก และธุรกิจที่ต้องการใช้พลังงานสะอาดในการผลิตเป็นเงื่อนไขเพื่อขยายสู่ตลาดระดับสากลเนื่องจากนิคมตั้งอยู่ในทำเลยุทธศาสตร์ที่เป็นจุดศูนย์กลางระหว่างแหล่งวัตถุดิบและเส้นทางการขนส่ง มีแหล่งน้ำจืดขนาดใหญ่ แหล่งไฟฟ้าคาร์บอนต่ำ และมีโรงไฟฟ้า 3 แห่งภายใต้ความร่วมมือกับ บมจ. บี.กริม เพาเวอร์ (BGRIM) ซึ่งจะมีกำลังผลิตไฟฟ้าสูงสุดครบ 400 เมกะวัตต์ภายในสิ้นปีนี้ นอกจากนี้ การเปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์ของโรงไฟฟ้าจะผลักดันส่วนแบ่งกำไรให้เติบโตอย่างต่อเนื่องได้ในระยะยาว

 

ด้วยแผนการดำเนินงานและกลยุทธ์เพื่อสร้าง All-Time High ในทุกธุรกิจ บริษัทฯเชื่อมั่นเป็นอย่างยิ่งว่า ในปี 2566 รายได้รวมของ สิงห์ เอสเตท จะสามารถเติบโตได้ตามเป้าหมายที่ 34% หรือมากกว่า 16,700 ล้านบาท ส่งผลต่ออัตรากำไร และผลตอบแทนมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นตามไปด้วย

 

ผนึกกำลังพันธมิตรเพิ่มแต้มต่อธุรกิจ

 

บริษัทฯมีแผนจับมือพันธมิตรทั้งภายในและภายนอกเครือสิงห์ เอสเตท เพื่อสร้างแต้มต่อทางธุรกิจ ยกระดับขีดความสามารถในการแข่งขัน นำเสนอสินค้าและบริการที่แตกต่าง (Product differentiation) โดยธุรกิจที่พักอาศัย มุ่งก้าวเข้าสู่ตลาดBranded Residenceผ่านการร่วมมือกับ SHR ในอีกทางหนึ่ง การผนึกความร่วมมือยังช่วยให้รุกเร็วและปรับตัวไว (Speedtomarket) โดยการติดตั้งแผงโซลาร์เซลล์บนหลังคาของโรงแรมในเครือ SHR ทั้งในประเทศไทยและมัลดีฟส์ ซึ่งเป็นการร่วมมือกับธุรกิจโครงสร้างพื้นฐานรวมพื้นที่กว่า 10,000 ตารางเมตร ซึ่งสามารถผลิตกระแสไฟฟ้าได้ราว 3 ล้านกิโลวัตต์ชั่วโมงต่อปี โครงการดังกล่าวนอกจากจะช่วยสร้างผลงานที่น่าเชื่อถือให้ธุรกิจโครงสร้างพื้นฐานแล้วธุรกิจโรงแรมก็สามารถบริหารต้นทุนทางพลังงานได้อย่างมีประสิทธิภาพไปพร้อมกันนอกจากนี้ บริษัทฯยังมีแผนขยายการใช้พลังงานสะอาดไปยังโครงการที่มีศักยภาพอื่นๆของบริษัทฯ ในระยะข้างหน้าอีกด้วย

 

นอกจากนี้ เพื่อสร้างแต้มต่อในการก้าวเข้าสู่ธุรกิจ Flex space บริษัทฯ มีแผนร่วมมือกับผู้ประกอบการชั้นนำซึ่งมีสาขาครอบคลุมศูนย์กลางทางธุรกิจที่สำคัญๆ และมีระบบการบริหารจัดการที่ทันสมัยมีประสิทธิภาพทั้งนี้ บริษัทฯ จะเริ่มพัฒนาโครงการ Flex Space ในอาคารสำนักงานของบริษัทฯ เป็นลำดับแรกขณะที่กลยุทธ์สร้างการเติบโตแบบ Speed to Market ของธุรกิจโรงแรมคือ Asset Light Modelซึ่งจะตอบโจทย์การบริหารเงินลงทุนอย่างคุ้มค่าและมีจุดเด่นด้านความยืดหยุ่นในการบริหารจัดการสูง โดยความแตกต่างที่สร้างให้ SHR โดดเด่นจากเครือโรงแรมอื่นคือการรับบริหารจัดการโรงแรมอื่นๆโดยไม่ได้จำกัดเฉพาะแบรนด์ ทราย (“SAii”)ซึ่งเป็น Homegrown brand ผ่านสัญญาบริหารจัดการโรงแรม (Hotel Management Agreement) แต่รวมถึงการรับบริหารจัดการโรงแรมภายใต้แบรนด์โรงแรมอื่น (Third Party Operator) อีกด้วย

 

การผนึกความแข็งแกร่งของธุรกิจในเครือ สิงห์ เอสเตท ผสานความร่วมมือจากพันธมิตรชั้นนำ จะเป็นแรงสนับสนุนที่สำคัญในการสร้างแต้มต่อให้กับธุรกิจ เสริมศักยภาพในการแข่งขัน ตลอดจนเพิ่มความเร็วในการตอบสนองส่งผลให้สิงห์ เอสเตท สามารถขับเคลื่อนธุรกิจให้เติบโตเฉลี่ยปีละ20%ตลอดระยะเวลา 3 ปีข้างหน้านี้

 

เติบโตอย่างสมดุล ส่งมอบคุณค่าที่ยั่งยืน

 

สิงห์ เอสเตท ตั้งเป้าหมายสู่การเป็นองค์กรที่มีความเป็นกลางทางคาร์บอน (Carbon Neutrality) ภายในปีพ.ศ. 2573 (ค.ศ.2030) และสร้างความหลากหลายที่สมดุลเพื่อให้สอดคล้องกับการเติบโตอย่างยั่งยืนของธุรกิจ โดยบริษัทตั้งเป้าลดการปล่อยคาร์บอนได้ถึง 5% ต่อปี และการเพิ่มเทคโนโลยีนำพลังงานสะอาดมาใช้ในกระบวนการดำเนินธุรกิจ นอกจากนี้ยังส่งเสริมให้มีการรักษาพื้นที่ที่มีความสำคัญด้านความหลากหลายทางชีวภาพ โดยเฉพาะในพื้นที่ที่มีความสมบูรณ์ทางธรรมชาติสูง อาทิโรงแรมทราย พีพี ไอส์แลนด์ วิลเลจ ในพื้นที่อุทยานแห่งชาติ หรือโครงการครอสโรดส์ มัลดีฟส์เป็นต้น

 

“สิงห์ เอสเตท จะเดินหน้าขับเคลื่อนธุรกิจต่อไปภายใต้วิสัยทัศน์ในการการสร้างความหลากหลายที่สมดุล เพื่อการเติบโตอย่างยั่งยืน หรือ Sustainable Diversity โดยเราจะไม่หยุดแสวงหาโอกาสในการขยายรูปแบบการลงทุน เพื่อต่อยอดธุรกิจพัฒนาและบริหารจัดการอสังหาริมทรัพย์ที่หลากหลายอย่างมืออาชีพ ครอบคลุมอสังหาริมทรัพย์เพื่อการพักอาศัย อสังหาริมทรัพย์เพื่อการค้า โรงแรม นิคมอุตสาหกรรมและโครงสร้างพื้นฐาน สร้างสรรค์สินค้าและบริการที่มีคุณภาพเหนือระดับเพื่อส่งมอบประสบการณ์ทรงคุณค่าให้ลูกค้า พร้อมยึดมั่นการดำเนินธุรกิจภายใต้ปรัชญาการกำกับดูแลกิจการที่ดี สร้างความสมดุลระหว่างผู้มีส่วนได้เสียทุกฝ่าย ตลอดทั้งชุมชนสังคมและสิ่งแวดล้อม เพื่อสร้างการเติบโตร่วมกันอย่างยั่งยืน”นางฐิติมา กล่าว

 

ยอดนิยมในตอนนี้

แท็กยอดนิยม

ข่าวที่เกี่ยวข้อง