รีเซต

ส.อ.ท. วอนรัฐพักหนี้ทั้งต้น-ดอก เพิ่ม บสย. ค้ำประกัน 70% ช่วยฟื้นเศรษฐกิจหลังโควิด

ส.อ.ท. วอนรัฐพักหนี้ทั้งต้น-ดอก เพิ่ม บสย. ค้ำประกัน 70% ช่วยฟื้นเศรษฐกิจหลังโควิด
TNN Wealth
9 กันยายน 2564 ( 19:12 )
90
ส.อ.ท. วอนรัฐพักหนี้ทั้งต้น-ดอก เพิ่ม บสย. ค้ำประกัน 70% ช่วยฟื้นเศรษฐกิจหลังโควิด

ข่าววันนี้ นายสุพันธุ์ มงคลสุธี ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) เปิดเผยว่า ในปีที่ผ่านมา จีดีพี ไทยติดลบ 7-8% ในปีนี้คาดว่าจะโตได้ 1% แต่เมื่อเทียบกับปี 2562 ก็ยังติดลบอยู่ ดังนั้นรัฐบาลจะต้องตั้งเป้าจีดีพีในปี 2565 ให้อยู่ในระดับสูงถึง 7-8% เพื่อทดแทนกับจีดีพีที่หายไปในช่วงโควิด-19 ซึ่งสิ่งเหล่านี้มีทางเป็นไปได้  โดยดูจากตัวเลขการส่งออกในปีนี้ที่ขยายตัวถึง 12-14% และมีแนวโน้มจะได้มากกว่านี้ 

 


โดยในวันนี้เศรษฐกิจโลกเปิดมากขึ้น แต่ทั้งนี้เครื่องยนต์หลักเศรษฐกิจ คือ อุตสาหกรรม บริการ และเกษตร ซึ่งโควิด-19 ได้ส่งผลกระทบต่อภาคบริการอย่างรุนแรง ทั้งการท่องเที่ยว และธุรกิจบริการต่อเนื่องตามมาทั้งหมด โดยเครื่องยนต์ในภาคอุตสาหกรรมยังพอเดินไปได้ เพราะการส่งออกรถยนต์เติบโตคาดว่าจะมียอดส่งออกถึง 1.6 ล้านคัน ทำให้ผู้ผลิตชิ้นส่วนต่อเนื่องต่าง ๆ ตามมาอีกมากได้รับประโยชน์ รวมไปถึงอุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์ที่ขยายตัวขึ้นมาก จากอุปกรณ์ไอทีที่ต้องใช้ในช่วงโควิด-19

 


ซึ่งทั้งอุตสาหกรรมรถยนต์ และอิเล็กทรอนิกส์ ล้วนแต่เป็นสินค้าส่งออกที่สำคัญของไทย และไทนก็พึ่งพาจีดีพีจากการส่งออกสูงถึง 70% อีก 20% เป็นภาคบริการ และ 10% เป็นภาคการเกษตร ซึ่งหากการส่งออกเติบโตได้ดีก็เป็นส่วนสำคัญที่จะผลักดันจีดีพีให้เติบโตได้ 

 


อย่างไรก็ตาม ในส่วนของภาคบริการ และเกษตร ที่เป็นเครื่องจักรทางเศรษฐกิจหลัก ปัจจัยเกี่ยวข้องที่สำคัญจะอยู่ภายในประเทศ ซึ่งในวันนี้วัคซีนโควิด-19 เริ่มไหลเข้ามาแล้ว และมีชุดตรวจ ATK เข้ามาอย่างเพียงพอ ส่งผลให้การตรวจพบการติดเชื้อได้ไว และมีการฉีดวัคซีนได้ตามเป้าหมาย ก็จะทำให้เศรษฐกิจทั้ง 2 ตัวนี้ ฟื้นกลับขึ้นมาได้ 

 


แต่ทั้งนี้ ที่สำคัญรัฐบาลไม่ควรเลือกใช้วิธีล็อกดาวน์อีก เพราะจากผลที่ผ่านมาในการล็อกดาวน์ในครั้งแรก ก็ส่งผลให้ลดการแพร่ระบาดลงไม่มาก  แต่เศรษฐกิจตกต่ำสุดในรอบ 20 ปี เช่นเดียวกันการล็อกดาวน์ในปีนี้ ซึ่งที่สำคัญจะต้องหากคนป่วยให้พบโดยเร็วก็จะช่วยลดการเสียชีวิตและการระบาดลงได้มาก 

 


“ในวันนี้คนเริ่มออกมาใช้ชีวิตตามปกติรถเริ่มติดใกล้เคียงกับช่วงก่อนโควิด-19 รวมทั้งผู้คนก็ปรับวิถีการดำเนินชีวิตระมัดระวังมากขึ้น มีการใส่หน้ากาก 100% ใช้เจลแอลกอฮอล์ล้างมือป้องกันความเสี่ยง และปรับวิธีการดำเนินชีวิตให้ปลอดภัย ซึ่งสิ่งเหล่านี้จะช่วยลดการระบาดและฟื้นเศรษฐกิจได้เร็ว”

 


โดยในวันนี้ธุรกิจขนาดใหญ่ได้เร่งปรับตัวไปแล้ว ห่วงแต่บริษัทขนาดเล็กที่ขาดสภาพคล่องในการปรับตัวรองรับการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ ดังนั้นสถาบันการเงินจะต้องเร่งอัดเฉีดเงินเข้าไปเพื่อปรับปรุงสายการผลิต และสินค้า ซึ่งบรรษัทประกันสินเชื่ออุตสาหกรรมขนาดย่อม (บสย.) จะต้องเพิ่มวงเงินค้ำประกันจากปัจจุบันที่ 40% ไปเป็น 70% ซึ่งบางประเทศก็ให้ถึง 100% จะทำให้ธนาคารกล้าปล่อยสินเชื่อได้มากขึ้น

 


ทั้งนี้ เงินกู้ที่ปล่อยออกมามั่นใจว่าจะคืนได้ภายใน 2 ปี เหมือนในช่วงวิกฤตต้มยำกุ้งในปี 2540 ที่หลังจากวิกฤตเศรษฐกิจจะฟื้นตัวได้เร็ว และสามารถหาเงินมาคืนให้กับกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (ไอเอ็มเอฟ) ได้ก่อนกำหนด ซึ่งหากธนาคารอัดฉีดเม็ดเงินให้กับบริษัทที่มีพื้นฐานดี แต่ย่ำแย่เพราะโควิด-19 หากทุกอย่างกลับมาเหมือนเดิมก็จะโตได้อย่างรวดเร็ว ทำให้เศรษฐกิจไทยทั้งประเทศเติบโตขึ้นมาได้

 


นอกจากนี้ สิ่งเร่งด่วน ก็คือการพักชำระหนี้ทั้งต้นและดอก ซึ่งในส่วนของการพักดอกเบี้ยรัฐบาลควรเข้าไปช่วยเหลือธนาคาร และธนาคารก็ควรช่วยเหลือตัวเองในส่วนหนึ่ง เพราะที่ผ่านมาธนาคารมีผลกำไรที่ดี และต้นทุนการดำเนินงานก็ลดลง จึงควรเข้ามาช่วยในส่วนนี้

 


“จะต้องเร่งช่วยให้ธุรกิจเหล่านี้อยู่รอดก่อน ให้มีสภาพคล่องพอที่จะเลี้ยงตัวเอกได้ในช่วงนี้ หากเศรษฐกิจพลิกกลับมา ก็จะเติบโตต่อไปได้ และเป็นกำลังสำคัญในการขับเคลื่อนประเทศชาติ”

 


ในส่วนของการลงทุน ประเทศไทยยังมีจุดเด่นอีกมาก ทั้งด้านผู้ประกอบการในประเทศก็ทำธุรกิจเก่ง ใครๆก็อยากมาค้าขายและลงทุนด้วย รวมทั้งสถานการณ์การเมืองโลกที่สงครามการค้าระหว่างสหรัฐ และจีน ก็ยังคงรุนแรงขึ้น ทำให้นักลงทุนต่างที่จะลดความเสี่ยงขยายการลงทุนในอาเซียนเพิ่มขึ้น ดังนั้นไทยจะต้องปรับตัวรองรับการลงทุนเหล่านี้ให้ได้

 


อย่างไรก็ตาม ในการดึงอุตสาหกรรมเป้าหมายที่เป็นเทคโนโลยีชั้นสูง จำเป็นจะต้องผลักดันให้เกิดการร่วมลงทุนกับธุรกิจของไทย ไม่ใช่การลงทุนจากต่างชาติ 100% รวมทั้งการส่งเสริมให้เกิดการวิจัยและพัฒนาภายในประเทศ จึงจะทำให้การลงทุนจากต่างชาติ เกิดประโยชน์กับประเทศไทยอย่างเต็มที่

 

 

--------------------

เกาะติดสถานการณ์โควิด-19  ทันความเคลื่อนไหว ได้ความรู้ที่ถูกต้อง ส่งตรงถึงมือคุณ
คลิกเลย!! >>> รู้ทันกันโควิด <<< หรือ กด *301*35# โทรออก

ยอดนิยมในตอนนี้

แท็กยอดนิยม

ข่าวที่เกี่ยวข้อง