เปิดมุมมอง 3 โบรกฯ ส่องกลยุทธ์ลงทุน พร้อมเสิร์ฟหุ้นเด่นวันนี้

ทันหุ้น - บล.ฟินันเซีย ไซรัส จำกัด (มหาชน) มองแนวโน้มตลาดวันนี้ คาด SET Index จะแกว่งตัวในแดนลบกรอบ 1,625-1,640 จุด จากบรรยากาศการลงทุนที่ไม่สดใส โดยเม็ดเงินไหลออกจากสินทรัพย์เสี่ยงระยะสั้นจากความกังวลการแพร่ระบาดของโอมิครอนที่เริ่มลุกลามมากขึ้นในยุโรป ซึ่งทำให้บางๆประเทศเริ่มมีมาตรการควบคุมอีกครั้ง ขณะที่ประเด็นเงินเฟ้อที่เร่งตัวยังคงเป็นปัจจัยกดดัน และมีความเสี่ยงเกิดภาวะ Stagflation โดยเม็ดเงินไหลเข้าหาสินทรัพย์เสี่ยงต่ำอย่างพันธบัตรส่งผลให้ Bond Yield อ่อนตัว
ส่วนในไทยเริ่มพบผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นและมีความเสี่ยงระบาดในช่วงปีใหม่ ซึ่งเป็นปัจจัยกดดันดัชนีหากลุกลามและต้องกลับมามีมาตรการควบคุมบางส่วน อย่างไรก็ตามเรามองจังหวะปรับตัวลงของดัชนียังเป็นจังหวะแบ่งไม้ทยอยสะสม ได้แก่ระดับ 1,590-1,600 จุดและ 1,550-1,570 จุด ส่วนระยะสั้นเน้นเก็งกำไรหุ้นที่กระทบจาก COVID-19 จำกัดและมีปัจจัยบวกเฉพาะตัว
กลยุทธ์ : เลือกลงทุนในหุ้น Value Play และหุ้นที่มีปัจจัยบวกเฉพาะตัว รวมถึงกระทบจาก COVID-19 จำกัด
หุ้นเด่นเดือนธ.ค. : BCH, JWD, MEGA, NSL, SYNEX
หุ้นเด่นวันนี้:CK
• แนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 26 บาท
• เรายังคงมุมมองเชิงบวกต่อการเติบโตของกำไรปี 2022 โดยเฉพาะจากธุรกิจรับเหมาฯที่เข้าสู่ขาขึ้นรอบใหม่จากการลงทุนที่เร่งตัว ขณะที่บริษัทลูกๆฟื้นตัวตามการ Reopen
• คาด CK มีลุ้นได้งานใหญ่ต่อเนื่องและหนุน Backlog ทะลุ 1 แสนลบ.อีกครั้งและรองรับเการเติบโตในช่วง 5 ปีข้างหน้า เราคาดกำไรปี 2022 โตแรง 10 เท่า Y-Y และเร่งตัว +65% Y-Y ในปี 2023
• แนวรับ 21.90//21 บาท แนวต้าน 23 บาท
**บล.คิงส์ฟอร์ด จำกัด ประเมินดัชนี SETทรงตัวในกรอบ 1,630 – 1,650 ยังได้แรงหนุนจากอุปสงค์ในประเทศฟื้นตัว โดยปัจจัยเสี่ยงคือ จำนวนผู้ติดเชื้ออาจเพิ่มขึ้นหลังลปีใหม่ แนะนำทยอยซื้อเมื่อดัชนี่อ่อนตัว เช่น KBANK,SCB/ CPALL,CPN,CRC/ GULF, GPSC และเก็งกำไร CBG, TKN
PACO (ซื้อ / ราคาเป้าหมาย 3.50 บาท) คาดว่าได้รับประโยชน์จากการที่รัฐเตรียมประกาศมาตรการส่งเสริม EV ซึ่งกำลังจะเข้า ครม.ในเดือนนี้ โดยเงื่อนไงมีทั้งการลดภาษีนำเข้า ลดภาษีสรรพสามิต และตั้งกองทุนอุดหนุนคืนเงิน สนับสนุนครอบคลุมทั้งซัพพลายเชนของอุตสาหกรรมรถยนต์ทั้งการผลิต ชิ้นส่วนและแบตเตอรี่ในประเทศ รวมไปถึงการลงทุนสถานีชาร์ต โดยระยะแรกของการสนับสนุนการใช้รถยนต์ EV จำเป็นต้องมาจากการนำเข้า แต่ต่อไปจะให้เกิดการผลิตในประเทศ
ทั้งนี้มีการวางเงื่อนไงต้องให้ค่ายรถที่นำเข้า EV มีการผลิตเพื่อชดเชยการนำเข้าภายใน 2 ปี โดยหากนำเข้า 1 คัน ต้องผลิตชดเชย 1.5 คัน ภายในปี 66 และต้องใช้ชิ้นส่วนสำคัญที่ผลิตในไทย ประเด็นดังกล่าวจะกระตุ้นให้ค่ายรถยนต์ที่มีโรงงานผลิตในไทยอยู่แล้วในการนำ EV เข้ามาขายและผลิตชดเชยภายหลัง โดย PACO มีโอกาสที่จะเสนอสินค้าประเภทแบตเตอรี่คูลเลอร์รถยนต์ไฟฟ้าแบบ BEV ในรูปแบบของ OEM ให้แก่ค่ายรถยนต์ทั้งค่ายญี่ปุ่นและจีน จากปัจจุบันที่พัฒนาสินค้าวางขายใน Aftermarket ต่างประเทศ
CPALL(ซื้อ / ราคาเป้าหมาย 72.50 บาท) คาดการดำเนินงานในช่วง 4Q64 ฟื้นตัว QoQ รับ Sentiment บวกจากม.ผ่อนคลายการควบคุมของภาครัฐฯที่ยังมีมาอย่างต่อเนื่องส่งผลให้ Traffic คนเดินทางสูงขึ้น ขณะที่ม.กระตุ้นการบริภาคต่างๆจะช่วยในเรื่องของกำลังซื้อ ล้วนเป็นบวกต่อยอดขาย 7-11 นอกจากนี้ในแง่ของการเติบโตในระยะถัดไปยังจะมีปัจจัยบวกจาก 1.Synergy ภายหลังจาก Lotus เข้าไปอยู่ใต้ MAKRO 2.การขยายสาขา 7-11 เข้าไปในกัมพูชาและลาว(ซึ่งในกัมพูชาเริ่มเปิดสาขาแล้วตั้งแต่ ก.ย.64) ปัจจุบัน เราประเมินกำไรสุทธิปี64 และ 65 ที่ 10,316 ลบ.(-35.94%YoY) และ 17,761 ลบ.(+72.17%YoY) ตามลำดับ
**บล.เคทีบีเอสที จำกัด (มหาชน) คาดกรอบดัชนีฯ สัปดาห์นี้ (20-24 ธ.ค.) 1620-1660 จุด (สัปดาห์ที่ผ่านมา 1641.73 จุด / +1.45%) สัปดาห์นี้เป็นสัปดาห์สุดท้ายที่ตลาดต่างประเทศจะเปิดทำการ ก่อนเข้าสู่เทศกาลคริสต์มาส ตลาดรับรู้เรื่องนโยบายการเงินของ Fed ไปแล้ว ขณะที่ Omicron ไม่ได้รุนแรงนัก แต่ยังคงต้องติดตามการระบาดต่อไป การฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลก + ไทย ยังเป็นตัวแปรที่ทำให้เรามองตลาดบวก การเรียกเก็บภาษีจากการขายหุ้น 0.1%อาจจะรบกวนตลาด และการลงทุนในช่วงนี้ Event : GDP 3q(t) สหรัฐฯ(22), ยอดขายรถยนต์ของไทย(20), ประชุม กนง.(22), ตัวเลขส่งออก(23)
หุ้นแนะนำประจำสัปดาห์นี้
- ตลาดน่าจะยังได้แรงซื้อส่งท้ายปี จากปัจจัยบวกในประเทศ และ Omicron ไม่ได้รุนแรงมากขึ้น แต่ตลาดสหรัฐฯ ที่เกิดแรงขายหุ้นหลังประชุม FOMC ทำให้ตลาดผันผวน
- ข่าวภาษีจากการขายหุ้น ออกมาตั้งแต่วันพุธ(15) มีผลให้ต้นทุนสูงขึ้น กระทบต่อบรรยากาศ และคน เล่นหุ้นที่หนุนรอบมากๆ หรือ Robot จะถูกกระทบมากกว่ากลุ่มอื่น หุ้นโบรกเกอร์ เป็นลบจากข่าวนี้
- เน้นเก็งกำไรหุ้นที่เป็น Domestic Play จากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจหรือมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจใน ประเทศ เช่น CRC, WHA, AWC, CK, BEM
- พอร์ตหุ้นวันนี้เรานำ IVL, LEO ออก และเพิ่ม PTTGC และ AOT เข้ามาแทน ... หุ้นในพอร์ตประกอบด้วย PTTGC(15%), AOT(10%), SCB(15%), FORTH(10%), AWC*(15%), BAM(10%), COM7(10%), KTB(10%)
PTTGC: (เป้าเชิงกลยุทธ์ 62.00 บาท) “Spread Petro เด่น ราคาหุ้นฟื้น Bottom out”
- ราคาเม็ดพลาสติก HDPE และผลิตภัณฑ์ปิโตรฟื้นตัวล้อไปกับเศรษฐกิจโลก ด้านราคาหุ้นเริ่ม Bottom out น่าสะสม
- ราคาหุ้นโดยเฉลี่ยในรอบ 2 สัปดาห์ Under Perform SET คาดเริ่ม Bottom out น่าสะสม, ปี 22 รับรู้รายได้จากโครงการใหม่เต็มปี
- KTBST ประเมินกำไรสุทธิปี 2021-2022 ที่ 5.12 หมื่น ลบ. และ 2.93 หมื่น ลบ. +15605%YoY, -42%YoY ตามลำดับ