เส้นทางมวลน้ำเหนือ ปิง วัง ยม น่าน สู่เจ้าพระยา

สถานการณ์ปริมาณน้ำในเขื่อนภูมิพล มีน้ำถึง 89% ของความจุ, เขื่อนกิ่วคอหมา มีน้ำอยู่ที่ 87%, เขื่อนสิริกิติ์ มีน้ำมากถึง 96%, เขื่อนแควน้อยบำรุงแดน อยู่ในระดับสูงสุดถึง 100%, เขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ มีน้ำอยู่ที่ 73% และ เขื่อนทับเสลา เพียง 38% ของความจุ ซึ่งสะท้อนว่าภาคเหนือและตอนบนมีน้ำมาก ขณะที่ตอนล่างยังมีพื้นที่รองรับน้ำได้อยู่บ้าง
ด้วยระดับน้ำในเขื่อนหลักที่อยู่ในภาวะใกล้ล้นทำให้หน่วยงานบริหารจัดการน้ำจำเป็นต้องระบายน้ำออก โดยน้ำที่ระบายจากภาคเหนือจะไหลรวมผ่านแม่น้ำยมและแม่น้ำน่าน มาบรรจบกันที่จังหวัดนครสวรรค์ ก่อนเข้าสู่ลุ่มน้ำเจ้าพระยา
เขื่อนเจ้าพระยา (ชัยนาท) ซึ่งเป็นจุดควบคุมการไหลหลักของน้ำภาคเหนือ ปัจจุบันมีอัตราการระบายน้ำสูงถึง 2,500 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที ซึ่งถือว่าอยู่ในระดับมาก โดยปริมาณน้ำวิกฤติของเขื่อนเจ้าพระยาอยู่ที่ประมาณ 2,840 ลบ.ม./วินาที หากฝนตกซ้ำในช่วงกลางเดือนตุลาคมนี้ อาจทำให้ระดับน้ำในแม่น้ำเจ้าพระยาและลำน้ำสาขาเพิ่มขึ้นอีก ส่งผลให้พื้นที่ลุ่มต่ำในจังหวัด อุทัยธานี ชัยนาท สิงห์บุรี อ่างทอง พระนครศรีอยุธยา และปทุมธานี มีความเสี่ยงต่อภาวะน้ำล้นตลิ่ง
อย่างไรก็ตาม กรุงเทพมหานครยังสามารถบริหารจัดการได้ในระดับ “เฝ้าระวัง” เพราะเขื่อนพระราม 6 และระบบประตูน้ำตอนล่างยังมีศักยภาพรองรับน้ำส่วนหนึ่ง
ด้านสทนช. ระบุว่า สำหรับความกังวลเกี่ยวกับสถานการณ์น้ำในเขตกรุงเทพมหานคร ว่าอาจเกิดเหตุการณ์ซ้ำรอยปี 2554 นั้น แม้ช่วงเวลานี้จะมีปริมาณน้ำจำนวนมาก แต่ยังน้อยกว่าปี 2554 และมีการบริหารจัดการอย่างเต็มศักยภาพเพื่อป้องกันไม่ให้อุทกภัยขยายวงกว้างมากขึ้น ถึงแม้จะมีปัจจัยจากน้ำทะเลหนุนในบางช่วง แต่ได้มีการเตรียมพร้อมเร่งระบายน้ำไว้อย่างเต็มที่แล้ว รวมถึงเตรียมให้ความช่วยเหลือพื้นที่นอกคันกั้นน้ำต่าง ๆ ที่อาจได้รับผลกระทบ ทั้งนี้ ขอให้มั่นใจได้ว่าความรุนแรงจะไม่เท่าเมื่อปี 2554 อย่างแน่นอน
Tag
ยอดนิยมในตอนนี้
