เข้าใจ กฎหมายทวงหนี้ คู่มือสร้างสมดุล "เจ้าหนี้" อย่าโหด "ลูกหนี้" อย่าหนี
วันนี้ทีมข่าว Tnn ขอนำเสนอบทความน่าสนใจเกี่ยวกับ "พระราชบัญญัติว่าด้วยการทวงถามหนี้" ที่มุ่งสร้างความสมดุลระหว่างสิทธิของเจ้าหนี้และลูกหนี้ พร้อมแนวทางการทวงหนี้อย่างถูกต้องตามกฎหมาย
อ่านให้จบแล้วคุณจะได้รู้ว่าบทบัญญัตินี้มีสาระสำคัญอะไรบ้าง และจะช่วยคุ้มครองสิทธิของคุณอย่างไร ตามมาเลย!
การทวงหนี้เป็นสิทธิตามกฎหมายของเจ้าหนี้ในการเรียกร้องให้ลูกหนี้ชำระหนี้ตามสัญญา อย่างไรก็ตาม สิทธิดังกล่าวต้องมีข้อจำกัดบางประการเพื่อไม่ให้ละเมิดสิทธิขั้นพื้นฐานของลูกหนี้ในฐานะมนุษย์ ด้วยเหตุนี้ จึงมีการตรากฎหมายว่าด้วยการทวงถามหนี้ พ.ศ. 2559 ขึ้น เพื่อสร้างความสมดุลและกำหนดกรอบการปฏิบัติในการทวงหนี้ที่เป็นธรรมทั้งต่อเจ้าหนี้และลูกหนี้
ทวงหนี้มีขีดจำกัด! กฎหมายคุ้มครองลูกหนี้ ห้ามทวงโหด รบกวน หรือละเมิดสิทธิ
สาระสำคัญของกฎหมายว่าด้วยการทวงถามหนี้เน้นไปที่การคุ้มครองลูกหนี้จากการทวงหนี้ที่รุนแรงหรือไม่เป็นธรรม เนื่องจากแม้ลูกหนี้จะมีหน้าที่ต้องชำระหนี้ แต่ก็ไม่ควรถูกละเมิดสิทธิขั้นพื้นฐานในฐานะมนุษย์ ดังนั้น กฎหมายจึงกำหนดข้อจำกัดและข้อห้ามในการทวงหนี้หลายประการ ได้แก่
1. จำกัดจำนวนครั้งและเวลาที่สามารถทวงหนี้ได้ โดยไม่สามารถทวงถามมากกว่าวันละ 1 ครั้ง และต้องทวงถามในช่วงเวลา 08.00-20.00 น. สำหรับวันธรรมดา และ 08.00-18.00 น. สำหรับวันหยุด เพื่อไม่ให้รบกวนลูกหนี้มากเกินไป
2. ห้ามใช้ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ข่มขู่ หรือทำให้ลูกหนี้อับอายหรือเสื่อมเสียชื่อเสียง รวมถึงห้ามมิให้กระทำการใดๆ ที่เป็นอุปสรรคต่อวิถีชีวิตหรืออาชีพของลูกหนี้
3. ต้องทวงหนี้กับลูกหนี้โดยตรงเท่านั้น ไม่สามารถประจานหรือแจ้งแก่บุคคลอื่นที่ไม่เกี่ยวข้องได้
ช่องทางการเยียวยาผู้เสียหายจากการทวงหนี้ที่ผิดกฎหมาย สำหรับผู้ที่ถูกเจ้าหนี้หรือผู้ทวงถามหนี้ใช้วิธีการทวงถามหนี้ที่ฝ่าฝืนพระราชบัญญัตินี้ ก็มีช่องทางในการเยียวยาความเสียหาย ดังนี้
ร้องเรียนต่อคณะกรรมการกำกับการทวงถามหนี้ ที่สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภคหรือศูนย์ดำรงธรรม โดยเตรียมหลักฐานการทวงหนี้ที่ผิดกฎหมาย เช่น บันทึกเสียง บันทึกภาพ ข้อความ ไปแนบประกอบด้วย
ฟ้องร้องคดีแพ่งต่อศาลแพ่งเพื่อเรียกค่าเสียหายจากเจ้าหนี้ โดยเตรียมหลักฐานการทวงหนี้ที่ผิดกฎหมาย และเอกสารเกี่ยวกับความเสียหายที่เกิดขึ้น เช่น ใบรับรองแพทย์ ใบเสร็จค่ารักษาพยาบาล ไปยื่นฟ้องต่อศาล
แจ้งความดำเนินคดีอาญากับเจ้าหนี้ที่สถานีตำรวจ โดยเตรียมหลักฐานการทวงหนี้ที่ผิดกฎหมายไปแสดงต่อพนักงานสอบสวน
หน่วยงานที่ให้ความช่วยเหลือ เช่น สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค ศูนย์ดำรงธรรม กรมคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพ สภาทนายความ เป็นต้น
5 สิทธิที่กฎหมายรับรองเพื่อคุ้มครองเจ้าหนี้
พระราชบัญญัติว่าด้วยการทวงถามหนี้ พ.ศ. 2559 นับเป็นกฎหมายที่มีบทบาทสำคัญในการสร้างความสมดุลระหว่างสิทธิของเจ้าหนี้ในการทวงถามหนี้และการคุ้มครองสิทธิขั้นพื้นฐานของลูกหนี้ ซึ่งถือเป็นผู้มีหนี้สินในฐานะมนุษย์ หากพิจารณาอย่างละเอียดจะพบว่ากฎหมายฉบับนี้ได้ให้การรับรองและคุ้มครองสิทธิของเจ้าหนี้ไว้หลายประการ ดังต่อไปนี้
1. การรับรองสิทธิในการทวงถามหนี้
กฎหมายได้รับรองสิทธิของเจ้าหนี้ในการทวงถามหนี้จากลูกหนี้ภายใต้ข้อจำกัดและเงื่อนไขที่กำหนดไว้ ซึ่งถือเป็นการให้ความคุ้มครองต่อสิทธิในการรับชำระหนี้ของเจ้าหนี้ตามที่มีข้อตกลงหรือสัญญาร่วมกัน
2. การร้องขอให้มีคำสั่งจากคณะกรรมการกำกับการทวงถามหนี้
หากลูกหนี้มีพฤติกรรมที่เป็นการขัดขวางหรือกีดกันไม่ให้เจ้าหนี้สามารถทวงถามหนี้ได้ กฎหมายก็ได้เปิดช่องให้เจ้าหนี้สามารถร้องขอต่อคณะกรรมการกำกับการทวงถามหนี้เพื่อให้มีคำสั่งให้ลูกหนี้หยุดกระทำการดังกล่าว ซึ่งนับเป็นการคุ้มครองสิทธิของเจ้าหนี้อีกทางหนึ่ง
3. สิทธิในการฟ้องร้องดำเนินคดีต่อลูกหนี้
แม้จะมีกฎหมายควบคุมการทวงถามหนี้อยู่ แต่ก็มิได้ตัดรอนสิทธิของเจ้าหนี้ในการฟ้องร้องดำเนินคดีต่อลูกหนี้ในชั้นศาลเพื่อเรียกร้องให้ชำระหนี้ ทั้งในคดีแพ่งและคดีล้มละลาย เจ้าหนี้ยังคงสามารถใช้สิทธิดังกล่าวได้ตามกระบวนการของกฎหมาย
4. การบังคับคดีเอาทรัพย์สินลูกหนี้มาชำระหนี้
หลังจากที่ศาลมีคำพิพากษาให้ลูกหนี้ชำระหนี้แล้ว หากลูกหนี้ยังคงไม่ปฏิบัติตาม เจ้าหนี้ก็มีสิทธิร้องขอให้ศาลบังคับคดีกับทรัพย์สินของลูกหนี้เพื่อนำมาชำระหนี้ได้ ซึ่งเป็นการคุ้มครองสิทธิของเจ้าหนี้ในการได้รับการชำระหนี้
5. การมีคำสั่งให้พักใช้ใบอนุญาตของลูกหนี้ชั่วคราว
ในบางกรณีที่ลูกหนี้มีพฤติกรรมฝ่าฝืนหรือหลีกเลี่ยงการชำระหนี้อย่างจงใจ กฎหมายได้เปิดช่องให้คณะกรรมการกำกับการทวงถามหนี้สามารถมีคำสั่งให้พักใช้ใบอนุญาตประกอบวิชาชีพหรือกิจการของลูกหนี้เป็นการชั่วคราวได้ ซึ่งนับเป็นมาตรการบังคับทางอ้อมที่ช่วยคุ้มครองสิทธิของเจ้าหนี้ด้วยเช่นกัน
นอกจากนี้ ยังมีกฎหมายอื่นๆ อีกหลายฉบับที่ให้การคุ้มครองสิทธิของเจ้าหนี้ไว้โดยตรง เช่น ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ ที่กำหนดหลักเกณฑ์และกรอบแห่งสิทธิเรื่องนิติกรรมสัญญาและเรื่องหนี้ไว้อย่างละเอียดและชัดเจน
จะเห็นได้ว่าแม้พระราชบัญญัติว่าด้วยการทวงถามหนี้จะมุ่งคุ้มครองสิทธิของลูกหนี้เป็นหลักก็ตาม แต่ก็ได้คำนึงถึงสิทธิของเจ้าหนี้ในการเรียกร้องให้ลูกหนี้ชำระหนี้ตามข้อตกลงหรือตามสัญญาด้วย โดยมีกลไกทางกฎหมายหลากหลายช่องทางในการช่วยคุ้มครองสิทธิของเจ้าหนี้
7 เทคนิคทวงหนีอย่างมีประสิทธิภาพ ถูกกฎหมาย ได้เงินคืน!
1. เก็บหลักฐานการให้กู้ยืมหนี้ไว้อย่างครบถ้วน
หลักฐานสำคัญ เช่น สัญญากู้ยืมเงิน ใบเสร็จรับเงิน หลักฐานการโอนเงิน จะเป็นหลักฐานสำคัญในการเรียกร้องให้ลูกหนี้ชำระคืน
2. ติดตามทวงหนี้อย่างสม่ำเสมอแต่อย่างสุภาพ
ติดตามทวงหนี้อย่างสม่ำเสมอเพื่อไม่ให้ลูกหนี้ลืม แต่ต้องใช้วาจาสุภาพ ไม่ข่มขู่หรือดูหมิ่น เพื่อไม่ผิดกฎหมาย
3. กำหนดกรอบเวลาและผ่อนผันตามสมควร
ควรกำหนดกรอบเวลาที่ลูกหนี้จะต้องชำระหนี้ให้ชัดเจน แต่ก็ควรผ่อนผันได้บ้างหากลูกหนี้มีเหตุจำเป็น
4. จดบันทึกการทวงหนี้ทุกครั้ง
การจดบันทึกการทวงหนี้ทุกครั้งจะช่วยในการควบคุมจำนวนครั้งให้เป็นไปตามกฎหมาย และเป็นหลักฐานสำคัญกรณีมีข้อพิพาท
5. ปฏิบัติตามหลักเกณฑ์ของกฎหมายอย่างเคร่งครัด
ปฏิบัติตามข้อจำกัดของกฎหมายว่าด้วยการทวงถามหนี้อย่างเคร่งครัด เช่น จำนวนครั้ง เวลา วิธีการทวงหนี้ เพื่อไม่ละเมิดสิทธิลูกหนี้
6. ใช้บริการทนายความหรือผู้ชำนาญการด้านกฎหมาย
หากไม่สามารถทวงหนี้ได้เอง การใช้บริการทนายความหรือผู้ชำนาญด้านกฎหมายมาช่วยทวงถามนั้นถือเป็นวิธีการทวงหนี้ที่ถูกต้องตามกฎหมาย
7. ใช้วิธีการทางกฎหมายหากจำเป็น
หากลูกหนี้ปฏิเสธการชำระหนี้อย่างสิ้นเชิง เจ้าหนี้ก็สามารถดำเนินการฟ้องร้องทางศาลเพื่อบังคับให้ชำระหนี้ได้
การทวงหนี้อย่างมีประสิทธิภาพต้องอาศัยความอดทน ความมีเหตุผล และการปฏิบัติตามขอบเขตของกฎหมายอย่างเคร่งครัด เพื่อไม่ละเมิดสิทธิลูกหนี้ พร้อมกับรักษาผลประโยชน์ของเจ้าหนี้ไว้ด้วย
ผ่านพ้นวิกฤตหนี้ด้วยวินัยและความมั่นคง
การทวงถามหนี้เป็นสิทธิของเจ้าหนี้ตามกฎหมาย แต่ก็มีข้อจำกัดเพื่อไม่ให้ละเมิดสิทธิขั้นพื้นฐานของลูกหนี้ พระราชบัญญัติว่าด้วยการทวงถามหนี้จึงเกิดขึ้นเพื่อสร้างความสมดุลและความเป็นธรรมให้ทั้งสองฝ่าย ไม่ว่าคุณจะเป็นเจ้าหนี้หรือลูกหนี้ การทำความเข้าใจกฎหมายฉบับนี้จะช่วยให้คุณปฏิบัติตามหน้าที่และใช้สิทธิของตนได้อย่างถูกต้อง
สำหรับผู้มีหนี้สิน แม้จะประสบปัญหาหรือความลำบากชั่วคราว แต่อย่าหนีหนี้ มีหน่วยงานและกลไกทางกฎหมายหลายแห่งที่พร้อมให้ความช่วยเหลือ สิ่งสำคัญคือต้องมีความซื่อสัตย์ รับผิดชอบ และปรึกษาหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อหาทางออกที่เหมาะสม การหนีหนี้จะเป็นการสร้างปัญหาให้ยุ่งยากมากขึ้นเท่านั้น จงมีวินัยในการใช้จ่ายและชำระหนี้ตามกำหนด ด้วยความรับผิดชอบนี้เอง จะทำให้คุณผ่านพ้นวิกฤติไปได้อย่างมั่นคง