“เอกนิติ”คาดมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจจะหนุนจีดีพี Q4 โตเกิน 1%

#ทันหุ้น “เอกนิติ”คาดมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจจะหนุนจีดีพี Q4 โตเกิน 1% พร้อมชงครม.อนุมัติ”คนละครึ่งพลัส”สัปดาห์หน้า เปิดประชาชนลงทะเบียนได้ 20 ต.ค.นี้ ส่วนร้านค้า 15 ต.ค.นี้ ส่วนท่องเที่ยวเมืองรองหักลดหย่อนได้ 2 เท่า เข้าครม.14 ต.ค.นี้ ผุดโครงการซื้อหวยไม่ถูกเป็นเงินออม คาดเริ่มได้ภายใน 4 เดือนนี้
นายเอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังกล่าวว่า โครงการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาลที่จะดำเนินการผ่านโครงการคนละครึ่งพลัสและการเติมเงินเข้าบัตรคนจนวงเงินรวม 6.65 หมื่นล้านบาท และมาตรการอื่น จะช่วยกระตุ้นจีดีพีไตรมาสสี่ปีนี้ให้ขยายตัวได้เกิน 1% จากเดิมที่คาดการณ์จะขยายตัวที่ 0.3%
ทั้งนี้ ในส่วนของมาตรการคนละครึ่งพลัสและการเติมเข้าบัตรคนจนดังกล่าวจะช่วยกระตุ้นจีดีพีในภาพรวมได้ราว 0.2-0.4% โดยโครงการนี้ จะเปิดให้ประชาชนลงทะเบียนเข้าร่วมโครงการผ่านแอปเป๋าตังได้ในระหว่างวันที่ 20-26 ต.ค.นี้ เพื่อให้ใช้ได้ในวันที่ 29 ต.ค.นจนถึงสิ้นเดือนธ.ค.นี้ ส่วนผู้ประกอบการร้านค้าเปิดให้ลงทะเบียนตั้งแต่ 15 ต.ค.นี้จนถึงสิ้นโครงการ ทั้งนี้ กระทรวงการคลังจะเปิดให้ร้านค้ารายย่อยที่เป็นนิติบุคคลเข้าร่วมโครงการนี้ด้วย มาตรการนี้จะเสนอเข้าครม.ในวันที่ 7 ต.ค.นี้
สำหรับมาตรการอื่นนั้น รัฐบาลจะออกมาตรการสนับสนุนการท่องเที่ยวในเมืองรอง โดยให้นำรายจ่ายจากการท่องเที่ยวที่คาดว่า จะให้วงเงินไม่เกิน 4 หมื่นบาท มาหักลดหย่อนภาษีได้ 2 เท่า คาดว่า จะเสนอเข้าครม.ได้ในวันที่ 14 ต.ค.นี้ คาดจะนำมาใช้ได้ในช่วงปลายปี นอกจากนี้ ยังจะเสนอให้ผู้ประกอบการโรงแรมและที่พักต่างๆนำรายจ่ายจากการซ่อมแซมมาหักลดหย่อนได้ 2 เท่า เพื่อช่วยยกระดับที่พักเพื่อการท่องเที่ยว
นอกจากนี้ ในส่วนของภาครัฐนั้น รัฐบาลจะกระตุ้นให้มีการใช้จ่ายในช่วงต้นปีงบประมาณ 2569 โดยกำหนดให้ส่วนราชการที่ได้รับงบประมาณเพื่อการอบรมสัมมนานำรายจ่ายดังกล่าวมาใช้ในช่วง 4 เดือนของต้นปีงบประมาณ โดยหน่วยงานภาครัฐมีงบประมาณอยู่ประมาณ 3-4 พันล้านบาท ส่วนรัฐวิสาหกิจมีงบประมาณอยู่ประมาณ 4 พันล้านบาท
ในเรื่องของค่าเงินบาทที่แข็งค่าในช่วงที่ผ่านมานั้น นายเอกนิติ กล่าวว่า ขณะนี้บาทเริ่มอ่อนค่าลงแล้ว ซึ่งค่าบาทที่แข็งค่าขึ้นส่วนใหญ่มาจากการเกินดุลบัญชีเดินสะพัด ที่มาจากการส่งออกและเงินทุนไหลเข้า ส่วนกรณีส่งออกทองคำไปกัมพูชา เมื่อแปลงเป็นดอลลาร์แล้วเพียง 2 พันล้านเหรียญ ถือว่าน้อยมากเมื่อเทียบกับเงินทุนไหลเข้า
อย่างไรก็ตาม เขากล่าวว่า ได้มอบหมายให้ธนาคารแห่งประเทศไทยเข้าไปดูแลค่าเงินบาทไม่ให้ผันผวน พร้อมกับ ได้ตั้งคณะทำงานในการตรวจสอบเงินทุนไหลเข้าที่มาจากธุรกรรมที่วัดไม่ได้ หรือเป็นเงินนอกระบบหรือเงินสีเทา ที่อาจมีผลทำให้ค่าเงินบาทแข็งค่า โดยคณะทำงานประกอบด้วย ปปง, กลต. และ สศค.
เขากล่าวด้วยว่า กระทรวงการคลังมีแนวคิดที่จะการเพิ่มการออมภาคประชาชนเพื่อรองรับวัยเกษียณ ด้วยการให้สำนักงานสลากจัดสรรงบประมาณจากค่าการตลาดส่วนหนึ่ง มาให้เป็นเงินออมแก่ประชาชนที่ซื้อสลากบนออนไลน์ โดยจะเป็นบัญชีเงินออมของคนซื้อสลากออนไลน์ของแต่ละคน และสามารถถอนเงินออมก้อนนี้ออกมาได้ เมื่ออายุ 55 ปี ซึ่งรูปแบบนี้ เป็นคนละแบบกับโครงการหวยเกษียณ
Tag
ยอดนิยมในตอนนี้
