รีเซต

เจ้าท่า ยึดเรือขนน้ำมันเถื่อน ของกลาง 3,000 ลิตร เร่งขยายผลกวาดล้างต่อ

เจ้าท่า ยึดเรือขนน้ำมันเถื่อน ของกลาง 3,000 ลิตร เร่งขยายผลกวาดล้างต่อ
มติชน
6 พฤษภาคม 2565 ( 14:53 )
59

เมื่อวันที่ 6 พฤษภาคม ผู้อำนวยการสำนักงานเจ้าท่าภูมิภาคสาขาปัตตานี มอบหมายให้นายอารีฟ สารอเอ็ง เจ้าพนักงานตรวจท่าชำนาญการ พร้อมด้วย เจ้าพนักงานขนส่งชำนาญงาน เจ้าพนักงานตรวจเรือปฎิบัติการณ์ ลงพื้นที่ประสานงานบูรณาการร่วมกับ สรรพสามิตปัตตานี ตำรวจน้ำ ได้เข้าตรวจเรือต้องสงสัย ชื่อ ช.เพชรรุ่งโรจน์ หมายเลขทะเบียน 258027228 ขนาด 39.46 ตันกรอส โดยกำลังนำขึ้นคานเรือเบอร์ 4 เพื่อทำการซ่อม จากผลการตรวจสอบของเจ้าหน้าที่พบว่ามีการดัดแปลงตัวเรือจากเรือบรรทุกสินค้าทั่วไปเป็นเรือบรรทุกน้ำมัน จึงทำการยึดเรือชั่วคราว พร้อมทำการตรวจสอบนำน้ำไปตรวจสอบว่าเป็นน้ำมันชนิดใด ซึ่งก่อนที่เรือจะเข้ามาซ่อมแซมก็ได้รับแจ้งว่าในเรือมีน้ำมันเถื่อนอยู่ 3000 ลิตร ซึ่งต้องขยายผลต่อว่าน้ำมันที่หายไป 3000 ลิตร นำไปขายให้ใคร

 

ล่าสุด สำนักงานเจ้าท่าภูมิภาคสาขาปัตตานี ได้ประชุมร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และดำเนินคดีต่อเรือลำดังกล่าว โดยเรือ ช.เพชรรุ่งโรจน์ ได้กระทำผิดตามพระราชบัญญัติการเดินเรือในน่านน้ำไทยและพระราชบัญญัติเรือไทย ซึ่งมีโทษปรับสูงสุด 41,000 บาท พร้อมนี้สำนักงานเจ้าท่าภูมิภาคสาขาปัตตานี ได้ออกคำสั่งห้ามใช้เรือดังกล่าว อาศัยตามมาตรา 170 แห่งพระราชบัญญัติการเดินเรือในน่านน้ำไทย พระพุทธศักราช 2546 แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติการเดินเรือในน่านน้ำไทย (ฉบับที่ 13) พ.ศ.2535 จนกว่าเจ้าของเรือหรือผู้ครอบครองเรือดำเนินการเปลี่ยนแปลงแก้ไข หรือซ่อมแซมให้เรียบร้อยมีสภาพที่เหมาะสมสำหรับการใช้งาน ตั้งแต่วันที่ 5 พฤษภาคม 2565 เป็นต้นไป หากผู้ใดฝ่าฝืนใช้เรือลำดังกล่าว ต้องระวางโทษปรับตั้งแต่หนึ่งพันบาทถึงหนึ่งหมื่นบาท ทั้งนี้ เพื่อเป็นการป้องกันมิให้เกิดการกระทำที่ผิดกฎหมายต่อการเดินเรือในน่านน้ำไทยและรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเล

 

 

นายอารีฟ สารอเอ็ง เจ้าพนักงานตรวจท่าชำนาญการ กล่าวว่า ได้รับแจ้งว่ามีเรือชื่อ ช.เพชรรุ่งโรจน์ ได้เข้ามาซ่อมแซมเรือ จึงทำการตรวจสอบในบัญชีจึงทราบว่าเรือลำนี้ เป็นเรือที่ กรมเจ้าท่า ได้ติดตามอยู่แล้ว เนื่องจากก่อนหน้านี้มีสายรายงานว่าเรือดังกล่าวอาจจะมีการดันแปลกเป็นเรือบรรทุกน้ำมันเถื่อน จึงทำการตรวจสอบทันที ปรากฏว่ามีน้ำมันสำหรับใช้กับเรือเป็นจำนวนมาก แต่ก็ไม่ทราบที่มาที่ไปของน้ำมัน อีกทั้งยังพบเรือมีการดัดแปลงเรือ โดยมีช่องที่อยู่กลางเรือจำนวน 6 ช่อง มีคราบน้ำมันอยู่ จึงนำตัวอย่างน้ำมันไปตรวจสอบว่าเป็นชนิดใด และหาที่มาที่ไปของน้ำมัน นอกจากนี้ยังพบเครื่องสูบน้ำไดโว่ อีก 1 ตัว ภายในเรืออีกด้วย หลังจากนี้ก็จะให้มีการขยายผลว่า เรือดังกล่าวไปซื้อน้ำมันมาจากไหน และนำไปขายให้ใครบ้าง หากไม่มีการขยายผลต่อ ก็ยังคงมีการลักลอบขนน้ำมันเถื่อนกันต่อไม่หยุด

 

ส่วนการดำเนินคดีเรือลำนี้ ก็จะให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องตรวจสอบและสอบส่วนเพื่อดำเนินคดี ส่วนด้านสำนักงานกรมเจ้าหน้าก็สั่งให้งดใช้เรือลำนี้ ซึ่งต้องมีการปรับเปลี่ยนเรือให้กลับมาเป็นปกติเสียก่อน.

ข่าวที่เกี่ยวข้อง