ศาลสหรัฐฯ สั่งระงับคำสั่ง "โดนัลด์ ทรัมป์" ห้ามต่างชาติเรียนต่อที่ฮาร์วาร์ด

อัลลิสัน เบอร์โรห์ส ผู้พิพากษาศาลรัฐบาลกลางในเมืองบอสตัน มีคำสั่งคุ้มครองชั่วคราวเมื่อวันพฤหัสบดี (5 มิ.ย.) ระงับคำประกาศของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ที่ห้ามนักศึกษาต่างชาติเข้าศึกษาหรือร่วมโครงการแลกเปลี่ยนที่มหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด คำสั่งนี้ออกมาตามคำร้องของฮาร์วาร์ด และจะมีผลจนกว่าศาลจะพิจารณาคดีนี้อย่างละเอียด ท่ามกลางความขัดแย้งที่ทวีความรุนแรงขึ้นระหว่างฮาร์วาร์ดกับทรัมป์
ผู้พิพากษาเบอร์โรห์สให้เหตุผลว่า คำประกาศของทรัมป์ ซึ่งอ้างเหตุผลด้านความมั่นคงแห่งชาติในการห้ามชาวต่างชาติเข้าศึกษาที่ฮาร์วาร์ดเป็นเวลา 6 เดือน (อาจขยายเวลาได้) และสั่งให้กระทรวงการต่างประเทศพิจารณาเพิกถอนวีซ่านักศึกษาฮาร์วาร์ดที่เข้าข่ายนั้น จะก่อให้เกิด "ความเสียหายที่เกิดขึ้นทันทีและไม่สามารถแก้ไขได้" ก่อนที่ศาลจะพิจารณาคดีอย่างถี่ถ้วน
คำประกาศของทรัมป์เมื่อวันพุธ (4 มิ.ย.) ยังระบุว่า ฮาร์วาร์ด "แสดงให้เห็นประวัติความเชื่อมโยงกับต่างชาติและแนวคิดสุดโต่งที่น่ากังวล" มี "ความพัวพันอย่างกว้างขวางกับศัตรูต่างชาติ" รวมถึงจีน มี "อาชญากรรมเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว" และล้มเหลวในการให้ข้อมูลเกี่ยวกับ "กิจกรรมที่ผิดกฎหมายหรือเป็นอันตรายที่ทราบกันดี" ของนักศึกษาต่างชาติ
ฮาร์วาร์ดได้ยื่นแก้ไขคำฟ้องเมื่อวันพฤหัสบดี โดยโต้แย้งว่าคำประกาศล่าสุดของทรัมป์ละเมิดคำตัดสินก่อนหน้าของผู้พิพากษาเบอร์โรห์ส และเป็นการละเมิดกฎหมายของรัฐบาลกลางโดยไม่มีหลักฐานสนับสนุนข้อกล่าวอ้างด้านความมั่นคงแห่งชาติ ทั้งยังระบุว่า ข้อกล่าวหาต่าง ๆ ในคำประกาศของทรัมป์ไม่มีมูลความจริง มหาวิทยาลัยเชื่อว่ารัฐบาลกำลังตอบโต้ที่ไม่ยอมทำตามข้อเรียกร้องในการควบคุมการบริหาร หลักสูตร และแนวคิด
"คำประกาศนี้ปฏิเสธสิทธิของนักศึกษาฮาร์วาร์ดหลายพันคนที่จะเดินทางมายังประเทศนี้เพื่อมาศึกษาและไล่ตามความฝัน และยังปฏิเสธสิทธิของฮาร์วาร์ดที่จะสอนพวกเขา หากไม่มีนักศึกษาต่างชาติ ฮาร์วาร์ดก็ไม่ใช่ฮาร์วาร์ด" มหาวิทยาลัยระบุในคำฟ้อง
"คำประกาศนี้ไม่ได้ระบุว่าการเข้าเมืองของชาวต่างชาติหรือกลุ่มคนต่างด้าวกลุ่มใดจะเป็นอันตรายต่อผลประโยชน์ของสหรัฐอเมริกา เพราะผู้ที่ไม่ใช่พลเมืองซึ่งได้รับผลกระทบจากคำประกาศนี้ยังสามารถเข้าสหรัฐฯ ได้ ตราบใดที่พวกเขาไปที่อื่นที่ไม่ใช่ฮาร์วาร์ด" ฮาร์วาร์ดกล่าว
ความขัดแย้งนี้เป็นส่วนหนึ่งของการเผชิญหน้าอย่างต่อเนื่องระหว่างรัฐบาลทรัมป์กับฮาร์วาร์ด โดยก่อนหน้านี้ เมื่อวันที่ 22 พ.ค. คริสตี โนเอม รัฐมนตรีกระทรวงความมั่นคงแห่งมาตุภูมิ (DHS) ประกาศเพิกถอนใบรับรองโครงการนักศึกษาและโครงการแลกเปลี่ยน (SEVP) ของฮาร์วาร์ด แต่ผู้พิพากษาเบอร์โรห์สได้สั่งระงับชั่วคราวเกือบจะในทันที ต่อมา DHS เปลี่ยนท่าทีว่าจะคัดค้านใบรับรองผ่านกระบวนการทางปกครองแทน
นอกจากนี้ เมื่อวันที่ 23 พ.ค. ผู้พิพากษาเบอร์โรห์สยังเคยออกคำสั่งคุ้มครองชั่วคราวระงับคำสั่งอีกฉบับของทรัมป์ที่จำกัดการรับนักศึกษาต่างชาติของฮาร์วาร์ด รัฐบาลทรัมป์ยังได้ดำเนินการอื่น ๆ เช่น ระงับเงินช่วยเหลือและเสนอให้ยกเลิกสถานะการยกเว้นภาษีของมหาวิทยาลัย
ก่อนหน้านี้ในวันพฤหัสบดี อบิเกล แจ็คสัน โฆษกทำเนียบขาว กล่าวหาว่า ฮาร์วาร์ดเป็น "แหล่งเพาะเชื้อของพวกต่อต้านอเมริกา ต่อต้านชาวยิว และสนับสนุนผู้ก่อการร้าย" ซึ่งเป็นข้อกล่าวหาที่ทางฮาร์วาร์ดเคยปฏิเสธไปแล้ว
"พฤติกรรมของฮาร์วาร์ดได้บ่อนทำลายความน่าเชื่อถือของระบบวีซ่านักเรียนและโครงการแลกเปลี่ยนทั้งหมดของสหรัฐฯ และเสี่ยงต่อการกระทบความมั่นคงของชาติ ตอนนี้ฮาร์วาร์ดต้องเผชิญผลจากการกระทำของตนเอง" แจ็คสันระบุในแถลงการณ์
ผู้พิพากษาเบอร์โรห์สยังระบุด้วยว่า เธอมีแผนที่จะออกคำสั่งก่อนชี้ขาดตัดสินคดี (preliminary injunction) ซึ่งจะมีผลระยะยาวกว่า ตามคำร้องขอของฮาร์วาร์ด เพื่อให้ความคุ้มครองแก่นักศึกษาต่างชาติของมหาวิทยาลัย
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
- มหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด ถูกถอนสิทธิ์รับนักศึกษาต่างชาติ เพราะอะไร?
- “ทรัมป์” จี้ “ฮาร์วาร์ด” เปิดชื่อ-ประเทศ น.ศ.ต่างชาติทุกคน
- ฮ่องกงเปิดรับนักศึกษาทุกคนที่ได้รับผลกระทบจาก "ฮาร์วาร์ด" ให้เข้ามาเรียนในมหาวิทยาลัยของฮ่องกง