รีเซต

เปิดมุมมอง 3 โบรกฯ ส่องกลยุทธ์ลงทุน พร้อมเสิร์ฟหุ้นเด่นวันนี้

เปิดมุมมอง 3 โบรกฯ ส่องกลยุทธ์ลงทุน พร้อมเสิร์ฟหุ้นเด่นวันนี้
ทันหุ้น
6 มิถุนายน 2566 ( 09:39 )
82

บล.ฟินันเซีย ไซรัส จำกัด (มหาชน) มองแนวโน้มตลาดวันนี้คาด SET Index แกว่ง Sideways Up กรอบ 1,520-1,545 จุด กลุ่มน้ำมันต้น-กลางน้ำคาดยังช่วยหนุนตลาดได้อีกเล็กน้อยหลังการประชุม OPEC+ ซาอุฯลดกำลังการผลิตเพิ่มเติมอีก 1 ล้านบาร์เรล หนุนราคาน้ำมันดิบฟื้นตัวได้ต่อเนื่องในระยะสั้น ขณะที่ประเด็นการขยายเพดานหนี้สหรัฐฯที่คลี่คลายตลาดตอบรับไปแล้วตั้งแต่วันศุกร์ ตัวเลขเศรษฐกิจภาคแรงงานสหรัฐฯโดยรวมยังแข็งแรง แต่เริ่มเห็นสัญญาณแผ่วในภาคบริการหลัง ISM Services PMI ลดลงเหลือ 50.3 พ.ค. แม้จะยังอยู่ในช่วยขยายตัว แต่แผ่วจากเดือนก่อนที่ 51.9 และต่ำกว่าคาดที่ 52.2 ส่วนโฟกัสของตลาดตอนนี้ คือ การประชุม FED สัปดาห์หน้าว่าจะคงดอกเบี้ยที่ 5-5.25% หรือไม่ ขณะที่ US CPI จะประกาศสัปดาห์ก่อนการประชุมเช่นกัน 

 

ส่วนปัจจัยในประเทศโฟกัสยังคงอยู่ที่พัฒนาการการจัดตั้งรัฐบาลและนโยบายเศรษฐกิจที่จะออกมาในระยะถัดไป ทำให้หุ้นที่มีความเสี่ยงถูกกระทบจากนโยบายรัฐบาลใหม่จะยังถูกกดดันและปรับขึ้นได้จำกัด เรามองระยะสั้น Upside ของสินทรัพย์เสี่ยงยังไม่กว้างจากแนวโน้มเศรษฐกิจโลก 2H23 ที่มีแนวโน้มชะลอชัดขึ้น ขณะที่เงินเฟ้อและดอกเบี้ยจะยังอยู่ในระดับสูงกว่าปกติอีกระยะหนึ่ง ทำให้ภาคการส่งออกคาดว่ายังไม่สดใส เราจึงยังคงเน้นลงทุนในกลุ่ม Domestic มากกว่า Global Play โดยเลือกหุ้นที่มีความเสี่ยงได้รับผลกระทบจากนโยบายรัฐบาลใหม่จำกัด 

 

กลยุทธ์ : เลือกลงทุนในหุ้นที่มีปัจจัยบวกและเสี่ยงกระทบจากนโยบายรัฐบาลใหม่จำกัด//ทยอยสะสมหุ้นเพิ่มที่ฐาน 1,500+- จุด

หุ้นเด่นเดือน มิ.ย. : BDMS, CPN, MAKRO, MINT, ORI

 

หุ้นเด่นวันนี้ : NSL

• แนะนำ "ซื้อ" ราคาเป้าหมาย 26 บาท

• คาดกำไร 2Q23 มีลุ้นทำ New High ที่ 82 ลบ. +9% q-q, +2% y-y หนุนจากรายได้ที่คาดเติบโตดีตาม SSSG ของ 7-11 จาก High Season และมีการออกสินค้าใหม่เข้าขายใน 7-11 รวมถึงรับรู้รายได้จาก Bake a Wish เต็มไตรมาส รวมถึงปรับเพิ่มราคาขายสินค้าหลัก 7% ช่วยชดเชยต้นทุนชีสที่เพิ่มได้และทำให้ Gross Margin ยังทรงตัวสูง

• ประเด็นขึ้นค่าแรง หากพิจารณาเฉพาะพนักงานที่ได้รับค่าแรงขั้นต่ำและปรับขึ้น 10% จะกระทบกำไรเพียง 1.7% ซึ่งกระทบค่อนข้างจำกัด เรายังคงประมาณการกำไรทั้งปี 2023 ที่ 343 ลบ. +15% y-y 

• แนวรับ 19.50//19 บาท แนวต้าน 20.50//21-21.20 บาท 

 

**บล.คิงส์ฟอร์ด จำกัด วางแนวรับดัชนี SET ที่ 1,520 – 1,527 แนวต้าน 1,535 – 1,540 คาดดัชนีได้แรงหนุนจากกลุ่มพลังงาน หลังกลุ่มโอเปกขยาย ม.ลดกำลังการผลิตจนถึงสิ้นปี 67 แนะนำซื้อเก็งกำไร PTT, PTTEP,TOP,BCP,SPRC/ ธนาคาร BBL,SCB,KTB,TTB จากแนวโน้ม NIM กว้างขึ้น 

 

กลุ่มพลังงาน คาดได้รับ Sentiment บวกจากการประชุม OPEC+ ที่ซาอุฯ จะลดปริมาณการผลิตโดยสมัครใจลงเหลือ 9 ล้านบาร์เรลต่อวันในเดือน ก.ค.67 จาก 10 ล้านบาร์เรลต่อวันในเดือน พ.ค.67 รวมแล้วทางกลุ่มได้ปรับลดปริมาณการผลิตลง 3.66 ล้านบาร์เรลต่อวัน (แบ่งเป็น 2 ล้านบาร์เรลต่อวันแรกที่ตกลงกันในปีที่แล้ว และการปรับลดโดยสมัครใจ 1.66 ล้านบาร์เรลต่อวันที่ตกลงกันในเดือน เม.ย.66) 

 

นอกจากนี้ยังได้ขยายเวลาในการจำกัดอุปทานไปจนถึงสิ้นปี 2567 ส่งผลให้ปริมาณการผลิตตั้งแต่เดือน ม.ค.67 ลดลง 1.4 ล้านบาร์เรลต่อวัน (เดิมในปี 2567 จะผลิต 40.46 ล้านบาร์เรลต่อวัน อย่างไรก็ตามปริมาณการผลิตที่ลดลงจริงจะน้อยกว่าที่ประกาศ เนื่องจากเป็นการปรับเป้าของรัสเซีย ไนจีเรีย และแองโกลาที่ผลิตต่ำกว่าโควตาอยู่แล้ว ในทางตรงข้ามยังให้ UAE ผลิตเพิ่มมากขึ้นอีก 2 แสนบาร์เรลต่อวันด้วย) ทั้งนี้จากความพยายามของกลุ่มโอเปกดังกล่าวน่าจะช่วยให้ตลาดน้ำมันมีเสถียรภาพมากขึ้นในระยะสั้น (Brent กลับไปเหนือ US$80/bbl ณ สินปี 66) แนะนำเก็งกำไรกลุ่ม Oil Play อย่าง PTT, PTTEP, TOP, BCP, SPRC*

 

TKN* (ซื้อเก็งกำไร / ราคาเป้าหมาย Bloomberg Consensus 12.35 บาท) กำไรสุทธิงวด 1Q66 อยู่ที่ 166 ลบ. (+164%YoY, +37% QoQ มีแรงหนุนในเชิงรายได้YoY จากการ Reopening ทั้งในประเทศไทย(+24%YoY)และตลาดต่างประเทศ(+31%YoY)โดยเฉพาะในจีน ด้านการดำเนินงานช่วงถัดไป คาดว่าจะมีแรงหนุนจากการปรับปรุง Product mix และยกระดับการผลิตในรูปแบบ Automation เพื่อเพิ่มGross Profit Margin ขณะที่แนวโน้มการรุกตลาดต่างประเทศยังดูดีจาก การขยายช่องทางจำหนายในสหรัฐฯผ่านทาง COSTCO ทั้งนี้ตลาดคาดกำไรสุทธิปี66 และ ปี67 ของ TKN* จะเติบโตจากปี 65 มาอยู่ที่ 611 ลบ. (+41%YoY) และ 695 ลบ.(+14%YoY) ตามลำดับ  

 

**บล.ดาโอ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) คาดกรอบดัชนีฯ สัปดาห์นี้ 1520-1550 จุด (สัปดาห์ที่ผ่านมา 1,531.20จุด /+0.02%) อาจจะคลายความกังวลจากเรื่องเพดานหนี้ของสหรัฐฯ แต่ตลาดยังมี ปัจจัยถ่วง คือ สูญญากาศทางการเมือง เศรษฐกิจโลกยังไม่ฟื้น และการขึ้นดอกเบี้ยของ Fed ทำให้ตลาดที่ซื้อขายเพียง 4วัน ยังน่าจะแกว่งตัวในกรอบแคบ

 

• หุ้นกลุ่ม Commodity ได้ประโยชน์จาก OPEC+ ลดกำลังการผลิตน้ำมัน

 

• จีนยังต้องระมัดระวังเรื่องเศรษฐกิจ ที่จะมีผลกระทบมาถึงตลาดหุ้นไทยด้วย 

 

Strategy

• ตลาดเล่นด้วยข่าวรายวัน ทำให้ตลาดขึ้นๆลงๆ การลงทุนในช่วงนี้ ยังต้องเน้นเล่นรอบสั้นๆ เหมือนเดิม หุ้นตัวไหนขึ้นมาแรงอาจเลือกขายทำไรและเปลี่ยนตัวเล่น

• หุ้นสาย commodity ถูกกดดันมาจากเศรษฐกิจจีนชะลอตัว แต่ด้วยราคาลงมามาก OPEC+ ลดกำลังการผลิต เป็นจังหวะในการซื้อแล้วถือรอเวลา หุ้นที่น่าสนใจ จะเป็น PTTEP, PTT, IVL, TOP

• เอาใจนักลงทุนต่างประเทศ ที่ขายเบาลง อาจกลับมาเล่นเก็งกำไร หุ้นที่กลุ่มนี้เล่นมาก BDMS, BH, BBL, SCB, MTC

• พอร์ตหุ้นวันนี้ เรานำหุ้น TTB, TKN ออกจากพอร์ต และนำหุ้น IVL, PTTEP, BBL, BEM เข้ามาในพอร์ต พอร์ตหุ้นประกอบไปด้วย IVL(10%), PTTEP(10%), BBL(15%), BEM(15%), JMT(15%)

 

Strategy Stock Pick

IVL: (เป้าเชิงกลยุทธ์ 35.00 บาท) “Valuation น่าสนใจ ขณะที่ Spread ของผลิตภัณฑ์เริ่มฟื้นตัว”

• แนะนำ Trading Buy ประเมินราคาหุ้นเริ่ม IVL Bottom out ด้าน Spread ของ PET เดือน เม.ษ. อยู่ที่ 218$/T เทียบกับเดือน ม.ค.- มี.ค. ที่ 184$/T, 201$/T และ 208$/T ตามลำดับ ส่วนราคา Cotton ล่าสุดอยู่ที่ 86.05 USD/pound เทียบกับ Low ของปี 2023 ที่ 75 USD/pound ฟื้นตัวต่อเนื่อง

• แนวโน้มผลประกอบการของ IVL จะฟื้นตัวแบบค่อยเป็นค่อยไป หนุนด้วยทั้ง Spread และปริมาณการขายที่เพิ่มขึ้นหนุน

• DAOL ประเมินกำไรสุทธิปี 2023E-2024E ที่ 1.83 หมื่น ลบ. และ 2 หมื่น ลบ. -41%YoY และ +14%YoY ตามลำดับ

 

Technical : KKP, MGC

 

ยอดนิยมในตอนนี้

แท็กยอดนิยม

ข่าวที่เกี่ยวข้อง