รีเซต

เจาะลึก “COP” เวทีแก้โลกร้อน เบื้องลึกการประชุมสภาพอากาศโลก ที่ชี้ชะตาอนาคตมนุษยชาติ!

เจาะลึก “COP” เวทีแก้โลกร้อน  เบื้องลึกการประชุมสภาพอากาศโลก  ที่ชี้ชะตาอนาคตมนุษยชาติ!
TNN ช่อง16
3 พฤศจิกายน 2568 ( 13:00 )
11

จุดเริ่มต้นของ “COP”

การประชุม “Conference of the Parties” หรือที่รู้จักกันในชื่อย่อว่า “COP” เป็นเวทีระดับโลกภายใต้ กรอบอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ (UNFCCC)

จัดขึ้นครั้งแรกเมื่อปี พ.ศ. 2538 (ค.ศ. 1995) ที่กรุงเบอร์ลิน ประเทศเยอรมนี โดยมีจุดมุ่งหมายให้ประเทศสมาชิกเกือบทุกประเทศในโลกได้มาหารือและร่วมมือกันแก้ไขปัญหาวิกฤตโลกร้อน ซึ่งปัจจุบันมีประเทศที่เข้าร่วมเป็นภาคีสมาชิก (Parties) ทั้งหมด 198 ภาคี ประกอบด้วย 197 ประเทศ และ สหภาพยุโรป (EU)

การประชุม COP จัดขึ้นเป็นประจำทุกปี เพื่อประเมินความคืบหน้าของแต่ละประเทศในการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก โดยจะมีการรายงานระดับประเทศ (National Reporting)

การทบทวนระดับนานาชาติ (International Review) และการประเมินภาพรวมทั่วโลกทุก 5 ปี ที่เรียกว่า Global Stocktake (GST)

เป้าหมายของ UNFCCC

อนุสัญญา UNFCCC ถือกำเนิดขึ้นในปี พ.ศ. 2535 (ค.ศ. 1992) หลังจากการเผยแพร่รายงานการประเมินทางวิทยาศาสตร์ฉบับแรกของ คณะกรรมาธิการระหว่างรัฐบาลว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ (IPCC) ในปี พ.ศ. 2533 (ค.ศ. 1990) ซึ่งเป็นรายงานที่ยืนยันว่าการเปลี่ยนแปลงของภูมิอากาศโลกเกิดจากกิจกรรมของมนุษย์จริง ๆ โดยวัตถุประสงค์หลักของ UNFCCC คือการ รักษาระดับความเข้มข้นของก๊าซเรือนกระจกในชั้นบรรยากาศให้อยู่ในระดับที่ไม่เป็นอันตรายต่อระบบภูมิอากาศของโลก

ตลอดกว่า 30 ปีที่ผ่านมา การประชุม COP ได้ก่อให้เกิดความตกลงสำคัญทางประวัติศาสตร์ เช่น

    พิธีสารเกียวโต (Kyoto Protocol) ปี พ.ศ. 2540 (ค.ศ. 1997)

    ข้อตกลงปารีส (Paris Agreement) ปี พ.ศ. 2558 (ค.ศ. 2015)

ซึ่งถือเป็นหมุดหมายสำคัญของความร่วมมือระหว่างประเทศในการต่อสู้กับภาวะโลกร้อน


สถานที่จัดประชุมจะหมุนเวียนทั่วโลก

การประชุม COP หมุนเวียนการเป็นเจ้าภาพระหว่าง 5 กลุ่มภูมิภาคของสหประชาชาติ ได้แก่

1.    แอฟริกา

2.    เอเชีย–แปซิฟิก

3.    ยุโรปตะวันออก

4.    ละตินอเมริกาและแคริบเบียน

5.    ยุโรปตะวันตกและประเทศอื่น ๆ

ปีนี้ (พ.ศ. 2568) การประชุมครั้งที่ 30 หรือ COP30 จะจัดขึ้นที่เมือง เบเลง (Belém) ประเทศ บราซิล ระหว่างวันที่ 10–21 พฤศจิกายน ซึ่งเป็นครั้งแรกที่สหประชาชาติจัดประชุมว่าด้วยสภาพภูมิอากาศในเขตป่าฝนแอมะซอน พื้นที่ที่ถูกเรียกว่า “หัวใจของวิกฤตภูมิอากาศโลก” และคำว่า COP ยังใช้เรียกการประชุมของอนุสัญญาด้านสิ่งแวดล้อมอื่น ๆ ด้วย เช่น

    COP16 ของอนุสัญญาว่าด้วยความหลากหลายทางชีวภาพ (CBD) จัดขึ้นที่เมืองคาลี ประเทศโคลอมเบีย ในเดือนตุลาคม พ.ศ. 2567

    COP ของอนุสัญญาว่าด้วยการต่อต้านทะเลทราย (UNCCD) จัดขึ้นที่ประเทศซาอุดีอาระเบียในเดือนธันวาคมปีเดียวกัน


โครงสร้างของการประชุม COP

การประชุมแต่ละครั้งเริ่มต้นด้วยการประชุมใหญ่ (Plenary) ที่ตัวแทนจากประเทศต่าง ๆ ร่วมหารือและแถลงจุดยืน จากนั้นจะแบ่งเป็นกลุ่มย่อยเพื่อเจาะลึกประเด็นสำคัญ เช่น

    การลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก (Mitigation)

    การปรับตัว (Adaptation)

    การเงินและเทคโนโลยี (Finance & Technology Transfer)

ควบคู่กับกิจกรรมข้างเคียง (Side Events) ที่จัดโดยรัฐบาล องค์กร NGO ภาคธุรกิจ และเยาวชน เพื่อแลกเปลี่ยนแนวคิดและแสดงนวัตกรรมด้านสิ่งแวดล้อม เมื่อสิ้นสุดการประชุม จะมีการออกเอกสารสรุปผลที่เรียกว่า “COP Decision” ซึ่งระบุข้อตกลงและพันธะสัญญาที่แต่ละประเทศยอมรับร่วมกัน ถือเป็นเอกสารอ้างอิงสำหรับการดำเนินงานในอนาคต

หมุดหมายสำคัญของ COP

พิธีสารเกียวโต (Kyoto Protocol) เป็นสนธิสัญญานานาชาติฉบับแรกที่กำหนดพันธะทางกฎหมายให้ประเทศพัฒนาแล้วลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกลงเฉลี่ย 5.2% จากระดับปี 1990 ในช่วงปี พ.ศ. 2551–2555 พร้อมกลไกช่วยลดต้นทุน เช่น การค้าขายสิทธิ์การปล่อย (Emissions Trading) กลไกการพัฒนาที่สะอาด (CDM) และการดำเนินการร่วม (Joint Implementation) แม้พิธีสารเกียวโตถือเป็นก้าวสำคัญ แต่ก็เผชิญข้อจำกัด เช่น การถอนตัวของบางประเทศผู้ปล่อยหลัก และการมีส่วนร่วมของประเทศกำลังพัฒนาในระดับจำกัด


ข้อตกลงปารีส (Paris Agreement)

ข้อตกลงนี้ถูกลงนามเมื่อวันที่ 12 ธันวาคม พ.ศ. 2558 ที่กรุงปารีส และมีผลบังคับใช้ในเดือนพฤศจิกายน พ.ศ. 2559 เป็นข้อตกลงที่มีผลผูกพันทางกฎหมาย โดยมีเป้าหมายร่วมกันเพื่อ จำกัดการเพิ่มขึ้นของอุณหภูมิโลก “ให้น้อยกว่า 2 องศาเซลเซียส” และตั้งเป้าไว้ที่ 1.5 องศาเซลเซียสโดย ประเทศภาคีทุกประเทศต้องยื่น แผนการลดการปล่อยและปรับตัว (NDCs) พร้อมปรับปรุงทุก 5 ปี เพื่อสะท้อนความก้าวหน้าในการดำเนินงาน


บทเรียนจาก COP29: ความล้มเหลวในบากู

การประชุม COP29 เมื่อเดือนพฤศจิกายน พ.ศ. 2567 ที่เมืองบากู ประเทศอาเซอร์ไบจาน

ถูกมองว่า “ล้มเหลว” เนื่องจากไม่สามารถบรรลุข้อตกลงที่เข้มข้นเพียงพอในเรื่อง การเงินเพื่อสภาพภูมิอากาศ (Climate Finance) และ การลดการใช้เชื้อเพลิงฟอสซิล แม้สุดท้ายที่ประชุมจะบรรลุข้อตกลงเงินช่วยเหลือใหม่ 300,000 ล้านดอลลาร์ต่อปี ภายในปี 2578 แต่ผู้แทนจากประเทศกำลังพัฒนาหลายชาติวิจารณ์ว่า “เป็นตัวเลขที่ต่ำเกินไป” และ “เป็นการเยียวยาที่ไม่เพียงพอ” เมื่อเทียบกับความต้องการจริงที่นักเศรษฐศาสตร์ประเมินไว้ราว 1.3 ล้านล้านดอลลาร์ต่อปี นอกจากนี้ มีรายงานว่ามี ล็อบบี้จากอุตสาหกรรมเชื้อเพลิงฟอสซิลกว่า 1,700 คน เข้าร่วมประชุมในบากู ทำให้กลุ่มนักสิ่งแวดล้อมวิจารณ์ว่า COP กำลังกลายเป็น “เวทีผลประโยชน์” แทนที่จะเป็น “เวทีความยุติธรรมทางสภาพภูมิอากาศ”


ความท้าทายในอนาคต

แม้ COP จะเป็นกลไกสำคัญในการผลักดันการดำเนินงานด้านภูมิอากาศ แต่ก็ยังเผชิญความท้าทายใหญ่ 3 ประการ ได้แก่

1.    ความต่างของเจตจำนงทางการเมือง ระหว่างประเทศพัฒนาแล้วกับประเทศกำลังพัฒนา

2.    ปัญหาการปฏิบัติตามพันธกรณีจริง หลังสิ้นสุดการประชุม

3.    การจัดหาเงินทุนเพื่อการปรับตัวและการเปลี่ยนผ่านพลังงานสะอาด


คำกล่าวจากเลขาธิการ UNFCCC

นาย ไซมอน สตีล (Simon Stiell) เลขาธิการบริหาร UNFCCC กล่าวปิดการประชุม COP29 ว่า

“ประธานอาเซอร์ไบจานได้ทิ้งงานมหาศาลไว้ให้บราซิลในปีหน้า” และ “ข้อตกลงปารีสพิสูจน์แล้วว่ายังทำงานได้ แต่รัฐบาลทั่วโลกต้องเร่งให้มากกว่านี้ อย่าลืมว่า หากไม่มีความร่วมมือภายใต้สหประชาชาติ โลกของเราคงกำลังมุ่งหน้าไปสู่ภาวะโลกร้อนกว่า 5 องศาเซลเซียสแล้ว”


มุ่งหน้าสู่ COP30 เบเลง

ปี พ.ศ. 2568 ประเทศบราซิลเตรียมเป็นเจ้าภาพการประชุม COP30 โดยมี ประธานาธิบดีลูอิซ อินาซิโอ ลูลา ดา ซิลวา และ รัฐมนตรีสิ่งแวดล้อมมารีนา ซิลวา ร่วมเป็นผู้นำจัดงาน ซึ่งจะเป็นอีกเวทีสำคัญในการวัด “ความจริงใจของโลก” ต่อการรักษาความหวังไม่ให้โลกร้อนเกิน 1.5 องศาเซลเซียส

ยอดนิยมในตอนนี้

แท็กยอดนิยม

ข่าวที่เกี่ยวข้อง