ศึกษาพบเก็บภาษีคนรายได้สูงในแคลิฟอร์เนีย ผลักคนรวยย้ายออกเพิ่มขึ้น
Xinhua
13 กุมภาพันธ์ 2567 ( 21:22 )
29
(แฟ้มภาพซินหัว : คลื่นทะเลเคลื่อนตัวสาดซัดชายฝั่ง บริเวณอ่าวซานฟรานซิสโก รัฐแคลิฟอร์เนียของสหรัฐฯ วันที่ 30 ธ.ค. 2023)
ซาคราเมนโต, 13 ก.พ. (ซินหัว) -- ผลการศึกษา "การตอบสนองเชิงพฤติกรรมต่อการจัดเก็บภาษีเงินได้ของรัฐจากผู้มีรายได้สูง : หลักฐานจากแคลิฟอร์เนีย" ซึ่งวิเคราะห์การตอบสนองของผู้เสียภาษีต่อกฎหมาย 30 (Proposition 30) ที่เป็นมาตรการจัดเก็บภาษีของรัฐแคลิฟอร์เนียในสหรัฐฯ พบว่าภาษีเป็นปัจจัยในการพิจารณาเลือกที่อยู่อาศัยของประชาชน และมาตรการจัดเก็บภาษีจากผู้มีรายได้สูงของรัฐแคลิฟอร์เนียกำลังผลักดันกลุ่มคนรวยออกจากรัฐแคลิฟอร์เนีย
วารสารเศรษฐกิจอเมริกัน : นโยบายเศรษฐกิจ (American Economic Journal: Economic Policy) ฉบับเดือนกุมภาพันธ์ เผยแพร่ผลการศึกษาข้างต้น ซึ่งระบุว่าเมื่อเดือนพฤศจิกายน 2012 ผู้มีสิทธิลงคะแนนเสียงของรัฐแคลิฟอร์เนียเห็นชอบกับมาตรการเพิ่มอัตราการจัดเก็บภาษีเงินได้ส่วนเพิ่มของรัฐที่ร้อยละ 1-3 จากครัวเรือนที่มีรายได้สูงเป็นเวลา 7 ปี ระหว่างปี 2012-2018 ส่งผลให้ร้อยละ 0.8 ของกลุ่มที่เสียภาษีในอัตราสูงสุด (Top Bracket) ของฐานภาษีที่อยู่อาศัยโยกย้ายออกจากรัฐแคลิฟอร์เนียในปี 2013
แม้รัฐแคลิฟอร์เนียมีรายได้จากภาษีโดยรวมเพิ่มขึ้น แต่กลับสูญเสียรายได้จากภาษีลาภลอย (Windfall Tax) มากกว่าร้อยละ 45 ในปีแรกของการบังคับใช้กฎหมาย 30 เนื่องด้วยการย้ายออกของกลุ่มคนรวยที่ต้องการหลีกเลี่ยงการถูกจัดเก็บภาษีตามกฎหมายนี้ ต่อจากนั้นสูญเสียรายได้ดังกล่าวมากกว่าร้อยละ 60.9 หลังจากบังคับใช้กฎหมายนี้ครบสองปี
โจชัว ราห์ ผู้ร่วมเขียนผลการศึกษาและนักวิจัยประจำสถาบันฮูเวอร์ มหาวิทยาลัยสแตนฟอร์ด กล่าวว่าร้อยละ 1 ของผู้เสียภาษีในอัตราสูงสุดของรัฐแคลิฟอร์เนียแบกภาระภาษีเงินได้ของรัฐสูงถึงร้อยละ 50 และหลักฐานชี้ว่าพวกเขาเหล่านี้อ่อนไหวต่อนโยบายภาษีในระดับสูง โดยราห์ใช้ข้อมูลการยื่นภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาของรัฐแคลิฟอร์เนียช่วงปี 2000-2020 ในการศึกษารูปแบบการย้ายถิ่นฐานของผู้เสียภาษีในท้องถิ่นในช่วงหลายปีที่ผ่านมาราห์พบว่าอัตราการย้ายออกของผู้พำนักอาศัยในรัฐแคลิฟอร์เนียสูงกว่าอัตราการย้ายเข้าในช่วงปี 2000-2020 และกลุ่มผู้มีรายได้สูงสุดย้ายออกมากเป็นพิเศษ โดยอัตราการย้ายออกสูงสุดอยู่ในช่วงการเปลี่ยนแปลงนโยบายภาษีต่างๆ เช่น กฎหมาย 30 และกฎหมายปฏิรูประบบภาษี (Tax Cut and Jobs Act) ในปี 2017 และผู้เสียภาษีที่มีรายได้สูงส่วนใหญ่ของรัฐแคลิฟอร์เนียมีแนวโน้มย้ายออกไปยังสี่รัฐที่มีการจัดเก็บภาษีเงินได้เป็นศูนย์ ได้แก่ เนวาดา เท็กซัส ฟลอริดา และวอชิงตัน ในช่วงปี 2013-2018
ทั้งนี้ ราห์เตือนผ่านบทความในวารสารซิตี เจอร์นัล (City Journal) ของสถาบันการวิจัยนโยบายแห่งแมนฮัตตันเมื่อไม่นานนี้ว่าการรีดเค้นรายได้จากผู้มีรายได้สูงจะส่งผลกระทบย้อนกลับ โดยกฎหมายเก็บภาษีจากคนรวยเป็นเรื่องที่เล่นกระแสได้ดีระหว่างการหาเสียงเลือกตั้ง แต่กลับเป็นเรื่องน่าห่วงในแง่ผลลัพธ์ทางเศรษฐกิจ ทำให้ร้อยละ 1.5 ของผู้เสียภาษีที่ร่ำรวยที่สุดย้ายออกจากรัฐแคลิฟอร์เนียในปีปกติ สวนทางกับการย้ายเข้าเพียงร้อยละ 0.5ไทเลอร์ โคเวน นักเขียนประจำคอลัมน์บลูมเบิร์ก ออปพิเนียน (Bloomberg Opinion) และอาจารย์เศรษฐศาสตร์ของมหาวิทยาลัยจอร์จเมสัน เห็นพ้องกับความคิดเห็นของราห์ โดยโคเวนคำนวณอัตราภาษีของรัฐแคลิฟอร์เนีย ชี้ว่าอัตราภาษีเงินได้สูงสุดของแคลิฟอร์เนียอยู่ที่ร้อยละ 13.3 ซึ่งรวมเข้ากับอัตราภาษีสูงสุดของรัฐบาลกลางที่ร้อยละ 37 ขณะเดียวกันแคลิฟอร์เนียยังมีอัตราภาษีการขายของรัฐที่ร้อยละ 7.25 และหลายพื้นที่ยังจัดเก็บภาษีการขายยิบย่อยอีกด้วย
โคเวนสรุปว่าหากกลุ่มคนรวยมีรายได้และใช้รายได้จากการทำงานในรัฐแคลิฟอร์เนีย อัตราภาษีส่วนเพิ่มอาจสูงแตะร้อยละ 60 ต่อจากนั้นมีอัตราภาษีเงินได้นิติบุคคลของรัฐที่ร้อยละ 8.84 ซึ่งบางส่วนถูกส่งต่อไปยังผู้บริโภคผ่านราคาสินค้าและบริการที่สูงขึ้น ส่งผลให้ภาระทางภาษีเพิ่มขึ้นอีก