ร้อยเดียวก็เอา! ตร.ตามจับกุมหนุ่มชิงทรัพย์หาเงินเติมน้ำมันรถ

วันที่ 27 กรกฎาคม 2563 พ.ต.อ.ภาคภูมิ  ปราบศรีภูมิ ผู้กำกับการสถานีตำรวจเมืองพิษณุโลก พร้อมตำรวจชุดสืบสวนควบคุมตัว ชาย อายุ 35 ปี ชาว ต.พิชัย อ.เมือง จ.ลำปาง ผู้ต้องหาคดีชิงทรัพย์โดยใช้ยานพาหนะเพื่อการกระทำผิดหรือพาทรัพย์นั้นไปและพาอาวุธไปในเมือง หมู่บ้านหรือทางสาธารณะ โดยไม่มีเหตุอันควร ตามหมายจับศาลจังหวัดพิษณุโลก ไปทำแผนประกอบคำรับสารภาพ ที่ตึกแถวด้านหลังตลาดเทศบาล 1 หรือตลาดใต้ ซึ่งเคยเป็นที่ตั้งของร้านสะดวกซื้อ  เขตเทศบาลนครพิษณุโลกพิษณุโลก ซึ่งผู้ต้องหา ใช้อาวุธมีดจี้ชิงทรัพย์ก่อนขับรถยนต์หลบหนีไป เมื่อเวลาประมาณ 02.00 น. วันที่ 3 มิ.ย.2562 ที่ผ่านมา

หลังจากตำรวจชุดสืบสวน สภ.เมืองพิษณุโลก ได้ตรวจสอบกล้องวงจรปิดและสอบสวนพยานแวดล้อมจนมีหลักฐาน เชื่อได้ว่าผู้ก่อเหตุคือ ผู้ต้องหา ซึ่งหลบหนีไปทำงานอยู่ที่ร้านแห่งหนึ่ง ในห้างสรรพสินค้าใน อ.เมือง จ.ลำปาง จึงนำกำลังพร้อมหมายจับของศาลไปทำการจับกุมได้ขณะที่ยืนอยู่หน้าร้าน และให้พาไปตรวจยึดรถยนต์เก๋ง ที่ใช้ในการก่อเหตุที่บ้านพัก พร้อมตรวจยึดเสื้อคลุมแขนยาว สีกรมท่า มีตัวอักษรด้านหลังว่า “ลำปาง” ที่สวมใส่ขณะก่อเหตุมาเป็นของกลางประกอบสำนวนคดี ควบคุมตัวนำส่ง ร.ต.ท.วีรวัฒน์  จาดมี รอง สว.(สอบสวน) สภ.เมืองพิษณุโลก เพื่อให้ดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

พ.ต.อ.ภาคภูมิ  ปราบศรีภูมิ ผู้กำกับการสถานีตำรวจเมืองพิษณุโลก  กล่าวว่า  คดีนี้เหตุเกิดเมื่อวันที่ 3 มิถุนายน ปี 62 ซึ่งเหตุการณ์มีคนร้ายใช้รถยนต์มาก่อเหตุชิงทรัพย์ ได้ของกลางเป็นเงิน 100 บาท แล้วหลบหนีไป ซึ่งหลักฐานที่ได้ ณ ตอนนั้นมีเพียงแค่รถยนต์ ตำหนิรูปพรรณ และภาพถ่ายด้านหน้าร้านที่เกิดเหตุที่เห็นชัดเจน ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้สืบสวนมาโดยตลอด ไม่ได้ทิ้ง  ทำการแกะรอยต่างๆจากหลักฐานที่มีอยู่เท่าที่มี เป็นรถยนต์แล้วก็เสื้อผ้าต่างๆและก็ภาพจากกล้องวงจรปิด ที่เห็นใบหน้า เราส่งทีมงานตามแกะรอย จนจับกุมได้ดังกล่าว

เบื้องต้น ปู้ต้องหา ให้การยอมรับสารภาพว่า ทำไปไม่ได้ตั้งใจ เนื่องจากว่าอารมณ์ชั่ววูบ เพราะว่าเดินทางมาหาครอบครัวที่พิจิตร จนมาถึงที่ จ.พิษณุโลก ปรากฏว่าเงินหมด และต้องการหาค่าน้ำมัน เลยขับรถวนไปวนมาในจังหวัดพิษณุโลก จนกระทั่งเจอร้านสะดวกซื้อ อยู่ในพื้นที่ลับตา จึงได้ตัดสินใจขับรถย้อนศร ไปจอดแล้วใช้มีดสปาต้ายาวกว่า 1 เมตร  ที่อยู่ภายในรถไปจี้พนักงานและได้เงินไป 100 บาท หลังจากก่อเหตุก็เหมือนเหตุการณ์ปกติ เดินทางไปหาญาติที่พิจิตร และกลับไปอยู่ที่ จ.ลำปาง ทำงานเช่นเดิม จนสุดท้ายถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจติดตามเกะรอยมาดำเนินคดีได้ในที่สุด

เบื้องต้นทางเจ้าหน้าที่ตำรวจดำเนินคดีในข้อหาชิงทรัพย์โดยใช้ยานพาหนะเพื่อการกระทำผิดหรือ เพื่อพาทรัพย์นั้นไป และ พาอาวุธไปในเมือง  หมู่บ้าน หรือทางสาธารณะโดยไม่มีเหตุอันควร

เกาะติดข่าวที่นี่

website: www.TNNTHAILAND.com
facebook : TNNONLINE
facebook live : TNN Live
twitter : TNNONLINE
Line : @TNNONLINE
Youtube Official : TNNONLINE
Instagram : TNN_ONLINE
TIKTOK : @TNNONLINE